น้ำส้มสายชูหมักจากขิง หรือ GCV ย่อมาจาก Ginger Cider Vinegar เป็นอีกหนึ่งทางเลือกจากธรรมชาติ ที่อัดแน่นไปด้วยประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยย่อยอาหาร ต้านการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
สวัสดีครับทุกคน ! ผมเชื่อว่าหลายคน คงคุ้นเคยกับ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล ( Apple Cider Vinegar) กันมาบ้างแล้วนะครับ แต่คุณรู้ไหมครับว่า ยังมีอีกหนึ่งเครื่องดื่มมหัศจรรย์ จากธรรมชาติ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ น้ำส้มสายชูหมักจากขิง หรือ Ginger Cider Vinegar (GCV) นั่นเองครับ !
วันนี้ ผมจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ GCV. ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตั้งแต่ประโยชน์สุดว้าว !! ไปจนถึงวิธีดื่ม และเก็บรักษาที่ถูกต้อง รับรองว่าอ่านจบแล้ว จะต้องอยากหามาลองแน่นอนครับ
น้ำส้มสายชูหมักจากขิง หรือ Ginger Cider Vinegar (GCV)
ก่อนอื่นเลย เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า GCV คืออะไร ? GCV ย่อมาจาก Ginger Cider Vinegar คือ น้ำส้มสายชูที่ได้จากการนำขิงสดมาหมักกับน้ำตาลและยีสต์ตามธรรมชาติ กล่าวคือ กระบวนการหมักนี้ จะเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ จากนั้น แบคทีเรีย Acetobacter จะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้เป็นกรดอะซิติก (Acetic Acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญ ของน้ำส้มสายชู ครับ นอกจากนี้ใน GCV ยังคงมีสารสำคัญจากขิงอย่าง จิงเจอรอล (Gingerol) และ โชกะออล (Shogaol) ที่เป็นตัวช่วยเรื่องสุขภาพอีกด้วย
ผลลัพธ์คือของเหลว รสเปรี้ยวหอมขิง มีคุณสมบัติทางกลิ่นและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากขิงผสมกับกรดอะซิติกจากการหมัก ซึ่งทำให้เกิดคุณประโยชน์และการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งรับประทานและใช้ภายนอก.
🫚 - ขิง มีสารออกฤทธิ์หลายชนิด ครับ เช่น gingerol, shogaol ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ (anti-inflammatory), ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) และช่วยระบบทางเดินอาหาร มีงานวิชาการทั้งหลาย สรุปว่า ขิงมีหลักฐานรองรับ การบรรเทาอาการคลื่นไส้ , ลดการอักเสบบางชนิด และมีผลดีต่อระบบเมแทบอลิซึมในผู้ทดลองบางกลุ่ม — เมื่อนำขิงมาเป็นวัตถุดิบในการหมัก จะได้ทั้งคุณสมบัติจากกรดอะซิติกของน้ำส้มสายชูและสารออกฤทธิ์จากขิงรวมกัน (synergy ในเชิงรสและการใช้งาน) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผู้คนให้ความสนใจน้ำส้มสายชูหมักจากขิง.
🫚 ประโยชน์ที่คุณอาจไม่เคยรู้ของ GCV
น้ำส้มสายชูหมักจากขิง ไม่ได้หอม หรือมีดีแค่รสชาติที่สดชื่น แต่ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์ที่น่าทึ่งอีกมากมายครับ
1. ช่วยย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด
กรดอะซิติกใน GCV จะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ทำให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ จิงเจอรอล ในขิง ยังมีคุณสมบัติ ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ จึงช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้เป็นอย่างดี
2. ต้านการอักเสบและลดอาการปวด
ขิง มีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องการต้านการอักเสบ จากการศึกษาพบว่า สารประกอบฟีนอลในขิง เช่น จิงเจอรอล และ โชกะออล มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบเรื้อรัง
3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
นอกจากวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว GCV ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยที่ชี้ว่าสารสำคัญในขิงมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและไวรัสบางชนิดได้
4. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
กรดอะซิติก ในน้ำส้มสายชูหมัก มีส่วนช่วยเพิ่มความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายสามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
5. ดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
การบริโภค GCV เป็นประจำอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้นอีกด้วย
🫚 วิธีดื่มและใช้ GCV อย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด?
เวลาที่เหมาะสมในการดื่ม คือ ดื่มก่อนมื้ออาหารประมาณ 15-30 นาที จะช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารได้ดี หรือจะดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนเพื่อดีท็อกซ์ร่างกายก็ได้ครับ
และควรใช้หลอดดูด เพื่อป้องกันกรดจาก GCV ทำลายเคลือบฟัน ควรใช้หลอดดูดหรือบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหลังดื่มทุกครั้ง
ทำเครื่องดื่มสดชื่น : ลองนำ GCV ไปผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมะนาว หรือน้ำผลไม้ที่คุณชอบ แล้วเติมโซดาลงไปเล็กน้อย ก็จะได้เครื่องดื่มที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ
การเก็บรักษาที่ถูกต้อง
เพื่อรักษาคุณภาพและอายุการใช้งานของ GCV ควรเก็บในขวดแก้วที่ปิดสนิท หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน และควรเก็บไว้ในที่ที่อุณหภูมิห้อง ไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็นครับ ( แต่จะแช่ตู้เย็นก็ได้นะครับ ไม่ผิดกฎ หรือทำให้สารอาหารลดน้อยลง )
หากสนใจ ลองหา GCV ที่ทำจากธรรมชาติมาลองดูนะครับ แล้วคุณจะพบกับความมหัศจรรย์ของมันอย่างแน่นอน ...
อ้างอิง
Tweet
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและปลอดภัย ควรดื่ม GCV ในปริมาณที่เหมาะสมและถูกวิธีครับ
- การดื่มเพื่อสุขภาพ ...
เวลาที่เหมาะสมในการดื่ม คือ ดื่มก่อนมื้ออาหารประมาณ 15-30 นาที จะช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารได้ดี หรือจะดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนเพื่อดีท็อกซ์ร่างกายก็ได้ครับ
และควรใช้หลอดดูด เพื่อป้องกันกรดจาก GCV ทำลายเคลือบฟัน ควรใช้หลอดดูดหรือบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหลังดื่มทุกครั้ง
- การใช้ในชีวิตประจำวัน
ทำเครื่องดื่มสดชื่น : ลองนำ GCV ไปผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมะนาว หรือน้ำผลไม้ที่คุณชอบ แล้วเติมโซดาลงไปเล็กน้อย ก็จะได้เครื่องดื่มที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ
การเก็บรักษาที่ถูกต้อง
เพื่อรักษาคุณภาพและอายุการใช้งานของ GCV ควรเก็บในขวดแก้วที่ปิดสนิท หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน และควรเก็บไว้ในที่ที่อุณหภูมิห้อง ไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็นครับ ( แต่จะแช่ตู้เย็นก็ได้นะครับ ไม่ผิดกฎ หรือทำให้สารอาหารลดน้อยลง )
หากสนใจ ลองหา GCV ที่ทำจากธรรมชาติมาลองดูนะครับ แล้วคุณจะพบกับความมหัศจรรย์ของมันอย่างแน่นอน ...
อ้างอิง
- Derosa, G., Maffioli, P., & D'Angelo, A. (2013). Acetic acid and glucose metabolism. Clinical Nutrition ESPEN, 8(3), e104-e105.
- Zick, S. M., et al. (2001). Ginger for prevention of nausea and vomiting during cancer chemotherapy. Journal of Clinical Oncology, 19(21), 4153-4159.
- Grzanna, R., Lindmark, L., & Frondoza, C. G. (2005). Ginger—an herbal medicinal product with anti-inflammatory properties. Journal of Medicinal Food, 8(2), 125-132.
- Ojewole, J. A. O. (2006). Anti-inflammatory, analgesic and hypoglycaemic effects of ginger. Journal of Ethnopharmacology, 108(2), 241-248.
- Shaukat MN, et al. Ginger Bioactives: A Comprehensive Review. (2023) — ทบทวนคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาของขิง. PMC