ถ้าอเมริกาจะรบกับจีน
อเมริกาต้องได้อู่ตะเภา
อเมริกาต้องได้อู่ตะเภา
โดย Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya
(August 29, 2016)
| เรียบเรียงโดย : ~ สุวินัย ภรณวลัย
1.) ชาติที่มีโอกาสรบกับจีน คือ ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น
2.) หากฟิลิปปินส์เริ่มรบ ญี่ปุ่นก็จะรบด้วย
3.) แต่หากญี่ปุ่นเริ่มรบ ก็ยังไม่แน่ว่าฟิลิปปินส์จะรบด้วย
เพราะนโยบายรัฐบาลฟิลิปปินส์ปัจจุบัน (2016) นั้นเข้าหาจีน ในลักษณะประนีประนอม และออกห่างสหรัฐ อีกทั้งเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในปัจจุบันนั้นต้องพึ่งพาจีน ไม่ใช่สหรัฐ
4.) ญี่ปุ่นมีโอกาสรบกับจีนสูงมาก
เพราะนโยบายสายเหยี่ยวของรัฐบาลญี่ปุ่นในปัจจุบัน และสำหรับนโยบายของจีนก็เช่นกัน สงครามกับญี่ปุ่นอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรักชาติ ล้างแค้นศัตรูเก่าคู่อาฆาต เพื่อเสริมการกระชับอำนาจให้กับผู้นำจีน ซึ่งกำลังถูกแซะเป็นระยะจากกลุ่มการเมืองคลื่นใต้น้ำอื่น ๆ ภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน
5.) สหรัฐจะต้องเข้าร่วมรบด้วยทันที ตามสนธิสัญญาที่มีต่อทั้ง 2 ชาติในข้อ ( 1 )
6.) แม้จะมีข้อพิพาทกัน แต่เวียดนามไม่มีทางรบกับจีน
เพราะเวียดนามและจีนมีการลงทุนร่วมกัน บริเวณชายแดนและส่งสินค้าขายจีน เช่น ข้าว จำนวนมหาศาล (มากกว่าไทย) เผลอ ๆ อาจเข้าร่วมกับจีนอีกต่างหาก (หากจีนเอาผลประโยชน์เข้าล่อมากขึ้น)
7.) ชาติอื่น ๆ ที่ร่วมมีข้อพิพาท เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ยังไง ๆ ก็ไม่รบ
8.) การบีบให้ทั้งโลก sanction จีน โดยสหรัฐนั้น ไม่สามารถทำได้
เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคจะขาดแคลนทั่วโลก (รวมทั้งสหรัฐ) เนื่องจาก ภาคการผลิตทั่วโลกจะปรับตัวไม่ทัน และยอดการส่งออก (ขายให้จีน) จากทั่วโลกก็จะหายไปเช่นกัน สหรัฐจะถูกนานาชาติคัดค้าน แต่จีนต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเลือกว่าจะ boycott ชาติใดบ้าง ไม่ใช่สหรัฐแต่ฝ่ายเดียว
9.) ทันทีที่มีการรบเกิดขึ้น จีนจะสั่งห้ามประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ
หรือ มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งในเชิงวัตถุประสงค์การเดินทางและประเทศปลายทาง
10.) นักท่องเที่ยวจีนจะหายไปทั้งโลก
คนจีนจะยกเลิกการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศโดยปริยาย ไม่มีทางที่คนจีนจะท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างสำราญใจขณะที่ประเทศกำลังมีสงคราม
11.) ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบกระเทือนรุนแรงในเบื้องต้นทันที
เพราะการท่องเที่ยวจะหายไปหมด ทั้งจากจีน ญี่ปุ่น และยุโรป
12.) สงครามใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ และจนกระทั่งปัจจุบัน (2016)
นั้นก็ยังไม่มีการเตรียมงบประมาณ กำลังพล รวมทั้งภาคการผลิตเพื่อเตรียมตัวสำหรับสงครามเต็มรูปแบบทั้งในฝ่ายจีนและสหรัฐ ดังนั้น สงครามทะเลจีนใต้คงไม่ขยายใหญโต อย่างมากก็ยิงกันเปาะแปะ ๆ ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น โดยมีสหรัฐคอยเสือกนิดหน่อย สักพักก็เลิกกัน
13.) แต่หากมีการขยายใหญ่โต ประเทศไทย ไม่มีทางเป็นกลางได้ !!!
และประเทศไทย จะถูกสหรัฐบีบใช้อู่ตะเภา !!!
เผลอ ๆ สหรัฐอาจส่งกำลังเข้ายึดโดยข้ออ้างฉันท์มิตร (ทำนองเดียวกับญี่ปุ่นในสมัยจอมพล ป.)
เผลอ ๆ สหรัฐอาจส่งกำลังเข้ายึดโดยข้ออ้างฉันท์มิตร (ทำนองเดียวกับญี่ปุ่นในสมัยจอมพล ป.)
ชายฝั่งตะวันออกนั้น เป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของจีนก็จริง แต่ไม่ใช่ความมั่นคง แม้แต่เมืองหลวงอย่างปักกิ่งก็ไม่ใช่ สมัยสงครามโลกนั้น เมืองชายฝั่งตะวันออกถูกญี่ปุ่นยึดหมด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งภาค (แมนจูเรีย) ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางเจา นานกิง (เมืองหลวงในขณะนั้น) ก็ยังถูกยึด ไล่เข้ามาถึงตอนกลางในเหอหนานด้วยซ้ำ ...
แต่จีนก็ยังเป็นจีน เพราะพื้นที่ความมั่นคงจริง ๆ นั้นอยู่ที่เสฉวนเนื่องจากเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญ ภาษิตจีนตั้งแต่โบราณกล่าวว่า " ผู้ใดครองเสฉวน ผู้นั้นครองประเทศจีน" เจียงไคเช็คจึงถอยหนีญี่ปุ่นจากนานกิงไปฉงชิ่ง ญี่ปุ่นจึงยึดไทย และพยายามเข้าสู่ยูนนานเพื่อยึดเสฉวนทางพม่า (สมัยนั้นพิสัยการบินกับการส่งกำลังทางอากาศทำไม่ได้จากอู่ตะเภา และอู่ตะเภายังไม่มี)
หากจะเผด็จศึกยึดครองจีนให้เด็ดขาด ก็จะต้องยึดเสฉวนให้ได้และไทยจะเป็นฐานสำคัญของสหรัฐในการเข้ายึดเสฉวน
14.) หากข้อ 13 เป็นจริง สหรัฐไม่มีทางเข้ายึดเวียดนาม (อีกครั้ง)
เพราะยังไง ๆ ก็ไม่ผ่านสภาคองเกรส คนอเมริกันไม่มีทางเอาด้วย ดังนั้น ไทยจะเป็นประเทศเดียวทางฝั่งแปซิฟิกเพื่อเป็นทางบุกเข้าสู่หลังบ้านจีนในเสฉวนสำหรับสหรัฐ
15.) หากข้อ 13 เป็นจริง กองเรือจีนจากกวางเจาจะเข้าสู่อ่าวไทย เผชิญหน้ากับกองเรือสหรัฐ
16.) หากข้อ 13 เป็นจริง กองทัพจีนจะประชิดชายแดนยูนนาน-กวางสี
17.) หากข้อ 13 เป็นจริง ขีปนาวุธนิวเคลียร์ของจีนจากเฉิงตูจะเล็งเป้าประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออก ภาคอีสาน ภาคเหนือ และกรุงเทพฯ
18.) หากข้อ 13 เป็นจริง จีนไม่ใช่ สหภาพโซเวียตในอดีต
ซึ่งทั้งปิดตัวและอยู่ไกลโพ้น สงครามครั้งนี้ ก็ไม่ใช่สงครามตัวแทนอีกด้วย แต่เป็นการรบกับจีนโดยตรง ไม่มีทางที่ ไทยหรือชาติอื่น ๆ ในอาเซียนจะได้รับประโยชน์จากดอลล่าร์ปลิวว่อนและบาร์อะโกโก้ต้อนรับทหารจีไอเหมือนสมัยสงครามเวียดนาม .... มีแต่จะเจ็บตัวเพราะเงินหยวนหาย แต่ชาติที่เข้าร่วมกับจีน เช่น ลาว กัมพูชา จะได้รับเงินหยวนเต็ม ๆ !!!
19.) หากข้อ 13 เป็นจริง จุดอ่อนของไทยคืออู่ตะเภา
19.) หากข้อ 13 เป็นจริง จุดอ่อนของไทยคืออู่ตะเภา
เพราะหากสหรัฐต้องการส่งกำลังจากกองเรือแปซิฟิกเข้าตีจีน ในพื้นที่หัวใจทางยุทธศาสตร์ (ฉงชิ่ง-เสฉวน) สหรัฐต้องได้อู่ตะเภา และไทยจะถูกบีบให้เลือกข้าง เพราะอู่ตะเภา !!!
20.) หากข้อ 13 เป็นจริง จีนไม่มีทางยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาได้
ดังนั้น เราจะถูกบีบจากทั้งสองข้าง ตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม แม้เราจะประกาศเป็นกลางมาตลอด แม้เราจะไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในทะเลจีนใต้ แต่เราจะเป็นชาติที่ลำบากที่สุด เพราะจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจตั้งแต่แรก และอาจถูกลากเข้าสงครามเป็นประเทศแรกๆในอาเซียนหากสงครามขยายใหญ่โต
~ Noppanun Arunvongse Na Ayudhaya
=============================================================
"สงครามโลกครั้งที่สาม" จากมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ของฝั่งรัสเซียและจีน
ผมขอฟันธงว่า ...สงครามโลกครั้งนี้ มันจะไม่เกิดแค่ครั้งเดียวเหมือนสงครามโลกทั้งสองครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ มันจะมี 2 ช่วงการรบ หรือ 2 ศึกใหญ่
โดย ~ สุวินัย ภรณวลัย
คือ ศึกแรก กับ ศึกหลัง โดยที่ศึกแรกสำคัญที่สุดและเป็นตัวชี้ขาด
(1) ศึกแรก
เป็นการรบเพื่อ "แบ่งโลก" ให้ชัดเจน มุ่งหวังโดดเดี่ยวอเมริกา ทำให้อเมริกาอ่อนแอลงในด้านการทหารและเศรษฐกิจ
(2) ศึกหลัง
(2) ศึกหลัง
เป็นการรบเพื่อเอา "แผ่นดินเก่า" คืน
ดังนั้น ศึกแรก จึงเป็น "สงครามใหญ่"
ดังนั้น ศึกแรก จึงเป็น "สงครามใหญ่"
...โดยที่สนามรบมี 3 สนามคือ ยุโรป , มหาสมุทรแปซิฟิค และตะวันออกกลาง เราต้องประเมินว่า ขั้วอำนาจฝั่งไหนเป็นฝ่ายได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์
ส่วนศึกหลัง เป็น "สงครามยืดเยื้อ"
ที่เน้นการแย่งชิงเอาพื้นที่เดิมกลับคืนมา โดยอาจพ่วงพื้นที่ใหม่ที่เป็นข้อพิพาท แต่ศึกหลังที่เป็นสงครามยืดเยื้อ ต้องใช้เวลาในการขยาย เพราะไม่สามารถทำพร้อมกันหมดทีเดียวได้ ใช้ค่าใช่จ่ายมหาศาล ต้องค่อยๆ ทำไปทีละขั้น ผ่านการสถาปนากลุ่ม BRICS
พร้อมกันนั้น ใช้โอกาสนี้ ปรับโครงสร้างการเงินโลกใหม่ ปรับโลจิสติคโลกใหม่
...หากสังเกตุให้ดี ทุกอย่างเริ่ม และเชื่อมผ่านเอเซียเป็นหลัก นั่นคือ โรงงานผลิตโลก ตลาดโลก ผู้บริโภคโลก ทั้งหมดคือ เอเซีย นั่นเอง!!
เมื่อเม็ดเงินไหลเวียนภายในทวีปเอเซีย ส่งออกกระจายไปทั่วโลก นำเงินเข้าเอเซียแบบรวยทะลุฟ้า มั่งคั่ง รุ่งเรือง แต่ขณะเดียวกัน ก็รักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม ประเพณีของแต่ละชาติเอาไว้ เพราะนี่คือ "อนุรักษ์นิยมหัวก้าวหน้า" ที่จะเข้ามาเสียบแทน "ระบบประชาธิปไตยจอมปลอม"
.jpg)
