เราเป็นคนนึงที่ไม่เคยสนใจการเมืองเลย
บอกตัวเองมาตลอดว่า เราทำงาน ทำหน้าที่ของเราให้ดี แบ่งปันให้สังคม ทำบุญ ทำทาน สม่ำเสมอ ใครขอให้ช่วยอะไร ไม่ว่าจะเป็นเงิน คำแนะนำ กำลังใจ ถ้าเราช่วยได้ เราก็ช่วย แค่นี้ก็พอแล้วไหม ?
บอกตัวเองมาตลอดว่า เราทำงาน ทำหน้าที่ของเราให้ดี แบ่งปันให้สังคม ทำบุญ ทำทาน สม่ำเสมอ ใครขอให้ช่วยอะไร ไม่ว่าจะเป็นเงิน คำแนะนำ กำลังใจ ถ้าเราช่วยได้ เราก็ช่วย แค่นี้ก็พอแล้วไหม ?
เราไม่อยากข้องเกี่ยวกับการเมือง ด้วยเหตุผลที่ถูกฝังหัวมาตั้งแต่เด็ก
แต่พอโตขึ้นเรื่อยๆ เราก็เกิดคำถามว่า
“คนดีๆไม่ยุ่งการเมือง” จริงหรือ?
แต่พอโตขึ้นเรื่อยๆ เราก็เกิดคำถามว่า
“คนดีๆไม่ยุ่งการเมือง” จริงหรือ?
หรือ ความหมายจริงๆ คือ — คนดีๆ “ที่เอาตัวรอด” ไม่ยุ่งการเมือง…
เพราะไม่อยากวุ่นวาย เพราะไม่อยากเครียด เพราะไม่อยากมีปัญหา และ ...ไม่อยากเกิดความแตกแยกกับคนรอบตัว ครอบครัว ,เพื่อน ,เจ้านาย ,ลูกน้อง ไม่อยากเสียลูกค้า เสีย suppliers เสีย followers
นอกจากนี้ ชีวิตก็ไม่ได้ถูกกระทบจากการเมืองซักเท่าไหร่ อย่างน้อย ก็ยังไม่กระทบในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไปเพื่ออะไร ?
เพื่อนเราหลายคน ที่มีการวางแผนมาดีมากๆ
ช่วงโควิด 3 ปี ธุรกิจก็เติบโต หรือ ต่อให้กระทบ ก็ไม่ได้เดือดร้อนมาก แม้ lock down ก็แสนจะมีความสุข เพราะชอบอยู่บ้านกับครอบครัว
และ ไม่ว่าเศรษฐกิจ สังคม และ การเมืองไทย จะเป็นยังไงในช่วงที่ผ่านมาหลายปี
1) ขอแค่รัฐให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ต้องขับรถไปตามท้องถนนโดยที่ไม่รู้ว่าจะเจอลูกหลงระเบิด หรือเจอกับการเผาสถานที่ต่างๆ อย่างที่ Paris ไม่นานมานี้ และ ที่ไทยเมื่อหลายปีก่อน
2) ขอแค่รัฐให้เสรีภาพในการประกอบอาชีพสุจริต
3) ขอแค่รัฐ ไม่เก็บภาษีรายได้มหาโหด อย่าง developed countries หลายๆ ประเทศ แบบที่แม้ทำงานหนักแทบตาย ก็ไม่มีวันได้สุขสบาย
แค่นี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ เพื่อนๆเรา สร้างธุรกิจ และ ชีวิต ตัวเอง จนรุ่งเรือง กินอยู่ดี มีบ้านใหม่ รถหรู ไปเที่ยวต่างประเทศ ส่งลูกเรียนอินเตอร์ได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ....
แต่การที่ชีวิตไม่ค่อยถูกกระทบจากการเมือง แล้วปล่อยวาง ที่จริงเขาไม่ได้เรียกว่าปล่อยวาง แต่ เรียกว่า “ปล่อยปละละเลย”
...ในทางพุทธศาสนา
คำว่า ปล่อยวาง คือ การปล่อยวางที่ จิต แต่ไม่ให้ปล่อยวาง กิจ ที่ควรกระทำ
เช่น ถ้าเราเห็นโจรกำลังทำขโมยของ แล้วเราปล่อยผ่าน มองดูโจรขโมยไป เพราะไม่ใช่ของเรา เราไม่เดือดร้อน ถ้าไปยุ่ง เดี๋ยวจะถูกโจรทำร้าย
อันนี้เรียกว่า = ปล่อยปละละเลย
แล้ว ... ถ้าเราเห็นนักการเมืองขโมย เงินคงคลัง ขโมยความมั่นคง และ ขโมยความสงบสุขของชาติ ขโมยคุณธรรมวัฒนธรรมอันดีงาม เราจะทำอย่างไร?
จำไว้ว่า การที่เรามองดูคนอื่น ที่กำลังถูกเบียดเบียน โดยที่เราไม่ทำอะไรเลย ในที่สุด จิตของเรา จะดึงดูดคนที่มองดูเราถูกเบียดเบียน โดยนิ่งเฉย ไม่ทำอะไร เช่นกัน
นึกถึงพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า ...
.... “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
ทำให้เรากลับมาถามตัวเองว่า
การที่เราไม่สนใจการเมือง ไม่พูด ไม่โพสต์ เกี่ยวกับการเมือง นั้น .....
- …เรากำลัง “ไม่ส่งเสริมคนดี ให้ได้ปกครองบ้านเมืองรึเปล่า?”
- …เรากำลัง “ปล่อยให้คนไม่ดีก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้ประเทศที่บรรพบุรุษเราได้สละชีวิตปกป้องมาให้เราได้เกิด ได้อยู่อาศัย ได้สร้างชีวิตที่มีความสุขรึเปล่า?”
- …เรากำลัง “เอาตัวรอด” รึเปล่า?
และอีกอันที่ทำให้เราต้องทบทวนตัวเองก็คือคำกล่าวของ Plato
The punishment for who refuses to take part in politics has to suffer is to live under the government of worse men.
— Plato
บทลงโทษของคนที่ปฏิเสธ การเกี่ยวข้องกับการเมือง คือการถูกปกครองโดยคนที่ด้อยกว่า
— พลาโต
ช่างสอดคล้องกับคำกล่าว
ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ จริงๆ
ที่จริงการคุยกัน การโพสต์ เรื่องการเมือง ไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความแตกแยกเสมอไป
ขึ้นอยู่กับ maturity ของคน ว่ามากพอที่ จะสามารถเปิดใจรับฟัง คิดตาม พยายามทำความเข้าใจ คนที่เห็นต่าง ตั้งคำถาม แลกเปลี่ยนมุมมอง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ได้หรือไม่ โดยเอาข้อเท็จจริงมาคุยกัน
ขึ้นอยู่กับ maturity ของคน ว่ามากพอที่ จะสามารถเปิดใจรับฟัง คิดตาม พยายามทำความเข้าใจ คนที่เห็นต่าง ตั้งคำถาม แลกเปลี่ยนมุมมอง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ได้หรือไม่ โดยเอาข้อเท็จจริงมาคุยกัน
การสนับสนุน และสนทนาการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ คือหน้าที่ของพลเมืองดี
บทความโดย :