ทุกประเทศต่างก็มียุทธศาสตร์ของตัวเอง ในการจะดำรงคงอยู่เป็นประเทศเอกราช ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ในยามสงบ และในยามทำศึกสงคราม และจะแพ้ชนะ จะเอาตัวรอดหรือไม่ ก็อยู่ที่ "ยุทธศาสตร์" นี่ละครับ
เรื่อง "หมากรุก"
ตอน ๑ / ๑๐
ก่อนจะกลายเป็นดักแด้ ผมได้เขียนนิทาน แผนจัญไร เล่ามาจนถึงตอนตุรกีถูกผีเข้า ลุกขึ้นสอยซูกอยของคุณพี่ปูติน โดยผมแจ้งกับท่านผู้อ่านไว้ว่า จะกลับมาเขียนแผนจัญไร ส่วนที่อาจจะเกี่ยวกับบ้านเราต่อ แต่ผมขอเปลี่ยนโปรแกรมนิทานเรื่องที่จะเล่าต่อนะครับ จะยังไม่เขียนเรื่องบ้านเรา แม้ตอนนี้เหตุการณ์ในบ้านเราจะมีเรื่องกวนใจบ้าง มันก็เป็นไปตามเแผนที่เขาตั้งใจจะให้เป็น เราก็ตามดูมันไป เพราะเป็นเรื่องในบ้านเรา แต่อย่าถึงกับเต้นตามกันทุกนาที เดี๋ยวเหนื่อยแย่ เก็บแรงไว้สู้ของจริงดีกว่าครับ
ระหว่างผมนอนเป็นดักแด้ เหตุการณ์นอกบ้านก็เกิดขึ้นแยะ แต่เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นไปตาม "อาการ" ก่อนที่จะมีการยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ผมเลยอยากจะทบทวนยุทธศาสตร์ หรือแผนเดินหมาก ของแต่ละฝ่าย หรือแต่ละขั้วเสียหน่อย คือขั้วที่นำโดยอเมริกา กับขั้วที่นำโดย รัสเซีย จีน ผมแยกอย่างนี้ เพราะเชื่อว่า ขณะนี้ โลกเราแบ่งขั้วทางอำนาจ ทางการเมือง และทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ค่อนข้างชัดเจน เป็น 2 ขั้วอย่างนี้แล้ว
ทุกประเทศต่างก็มียุทธศาสตร์ของตัวเอง ในการจะดำรงคงอยู่เป็นประเทศเอกราช ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ในยามสงบ และในยามทำศึกสงคราม และจะแพ้ชนะ จะเอาตัวรอดหรือไม่ ก็อยู่ที่ "ยุทธศาสตร์" นี่ละครับ อาวุธเยี่ยม กองกำลังแยะ แต่ถ้ายุทธศาสตร์ห่วย ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นผู้ชนะ
และการวางแผนยุทธศาสตร์ เขาไม่ได้วางกันวันนี้ใช้พรุ่งนี้ แผนยุทธศาสตร์ เขาวางกันเป็นหลายสิบปีล่วงหน้า และไม่มีใครประกาศว่า ใครใช้ยุทธศาสตร์อะไร ที่มีประกาศให้ชาวบ้านรู้ ส่วนใหญ่ก็เป็นยุทธศาสตร์ลวง เราๆที่ตามดูอยู่ข้างทาง ก็เลยตกหลุมบ้างออกไปนอกอ่าวบ้าง เพราะมันยากที่จะเข้าใจ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ที่เราอาจจะพอรู้ได้บ้าง จากการติดตามเหตุการณ์ ศึกษาการเดินหมาก แล้วเอามาพิจารณาและวิเคราะห์ต่อ
การเดินหมากแต่ละครั้ง ของแต่ละฝ่าย จึงเป็นเรื่องน่าสนใจ ส่วนจะทำให้เห็นปลายทางของหมากแต่ละตัวที่ถูกเดิน รวมทั้งสุดทางของผู้เดินหมากของแต่ละฝ่ายด้วยหรือไม่นั้น คงบอกไม่ได้หมด เพราะมันขึ้นกับปัจจัยอีกหลายอย่าง ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
สำหรับท่านที่ตามอ่านนิทานมาตั้งแต่เรื่องแรกๆ คงจะจำได้ว่า ผมเขียนถึงผู้ที่ผมเรียกว่า "ครูแมค" บ่อยๆ
เราจะเข้าใจเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ชัดขึ้น รวมทั้งอาจได้รู้จักยุทธศาสตร์ของทั้ง 2 ขั้ว ถ้าเรารู้จักทฤษฏีของ ครูแมค
ในเดือนมกราคม ค.ศ.1904 ขณะที่อากาศของอังกฤษ เกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เย็นยะเยือก ครูแมคก็บรรยายทฤษฏีของตนเองให้สมาชิกสมาคมภูมิศาสตร์ Royal Geographical Society ของชาวเกาะใหญ่ฟัง ให้หนาวเย็นขึ้นไปอีก ในหัวข้อเรื่อง
- " The
Geographical Pivot of History " จุดสำคัญทางภูมิศาสตร์ ที่สร้างประวัติศาสตร์ ....
มันเป็นหัวข้อของการบอกเล่าถึง ทฤษฏีที่สะเทือนโลกจริงๆ
เพราะเป็นทฤษฏีที่ทำให้โลกนี้ เกิดสงครามโลกมาแล้วทั้ง 2 ครั้ง
และน่าเป็นห่วงว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 หากจะเกิดขึ้น
ก็น่าจะไม่พ้นจากความคิด ที่มาจากทฤษฏีของครูแมคอีกเช่นกัน
คำบรรยายของครูแมค สรุปว่า ...
" ...การเป็นมหาอำนาจในโลกต่อไปในอนาคต
ไม่ได้อยู่ที่การควบคุมเส้นทางทะเล อย่างที่อังกฤษคิด เข้าใจ
และดำเนินมาตลอด "อีกแล้ว" หมดแล้ว จบแล้ว แต่ในทางตรงกันข้าม ใครก็ตาม
ที่เป็นผู้ควบคุมบริเวณผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ ยาวติดต่อกันเป็นแผง
ที่เรียกว่า ยูโร-เอเซีย หรือ ยูเรเซีย ต่างหาก ที่จะเป็นมหาอำนาจในโลก...."
ครูแมค
ยังนำแผนที่ ที่ทำขึ้นตามทฤษฏี มาแสดงประกอบการบรรยายให้เห็นแนวคิดของเขา
ที่บอกว่า อาฟริกา เอเซีย และยุโรป ไม่ได้แยกออกจากกันเป็น 3 ทวีป
แต่โดยความเป็นจริงแล้ว มันเป็นผืนแผ่นดินใหญ่แผ่นเดียวกัน ติดต่อกัน
เหมือนเป็นเกาะใหญ่ของโลก World-Island ต่างหาก
ทีนี้เข้าใจแล้วนะครับว่า
ทำไมผมถึงเรียกอังกฤษว่า เป็นเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย
เพราะไม่ได้ไปรวมอยู่กับพวก World-Island
ได้เป็นเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ก็ดีถมถืดแล้ว จริงๆ
น่าจะเป็นแค่หูด หรือติ่ง เท่านั้นเอง
ครูแมคยังบอกอีกว่า
.....heartland
กล่องดวงใจ หรือส่วนที่เป็นแกนกลางของ World-Island
คือบริเวณตั้งแต่อ่าวเปอร์เซีย ไปจนถึงแม่น้ำแยงซีของจีน ใหญ่ยาว 4000 ไมล์
มันเป็นบริเวณที่ใหญ่มหึมา จนผู้ที่จะมีโอกาสควบคุมบริเวณนี้ได้
ก็มีแต่พวกประเทศที่อยู่แถว rimland หรือชายขอบ เช่น แถบยุโรปตะวันออก
ที่มีเขตแดนติดกับ heartland หรือไม่ก็พวกบรรดาประเทศ
ที่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเล แต่ก็อยู่ไกล จนแทบจะเป็นไปได้ยากว่า
จะเข้าไปถึงบริเวณกล่องดวงใจ ...
ตามทฤษฏีข้างต้นของครูแมค
heartland นั้น หมายถึง บริเวณที่เป็นสหภาพโซเวียต และยุโรปตะวันออก คือ
บริเวณที่เยอรมัน ออสเตรีย โปแลนด์ ฮังการี ตั้งอยู่
ครูแมคแถมอีกว่า
การพยายามขุดคลองเจาะเข้าไปในแผ่นดิน ทำนองคลองสุเอซ มันก็แค่เสริมอำนาจ
แต่ไม่พอหรอกที่จะเอาชนะพวกอยู่ด้านในกล่องดวงใจได้
.......ส่วนรางรถไฟที่จะวิ่งผ่านเข้าไปในทุ่งหญ้าสเตปป์
(ที่อยู่กลางรัสเซีย) นั่นต่างหากที่น่าสนใจ
และจะทำให้ทุ่งหญ้าสเตปป์มีความหมายขึ้น เพราะมันจะเป็นการลดค่าใช้จ่าย
จากการขนส่งที่ใช้ทางทะเล จึงอาจจะเป็นตัวเปลี่ยนอำนาจ จากเส้นทางทะเล
มาอยู่บนด้านในของแผ่นดินก็ได้.....
แล้ว ครูแมค ก็สรุปว่า...
" ใคร ที่ครอบครองยุโรปตะวันออก จะได้ควบคุมกล่องดวงใจ
ใครที่ครอบครองกล่องดวงใจ จะได้ควบคุมบริเวณ World-Island
ใครที่ครอบครอง World-Island จะได้ควบคุมโลก"
ตามทฤษฏีของครูแมค
บริเวณของ World Island มีเนื้อที่ใหญ่เท่ากับ 60%
ของส่วนที่เป็นแผ่นดินของโลก ส่วนอเมริกา และออสเตรเลีย
ก็เลยเป็นแต่เกาะเล็กกะจิ๊ดในทฤษฏีของครูแมค
( จะใหญ่เท่ากับหัวนิ้วโป้งของเท้าขวา หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ
ผมเกิดไม่ทันที่จะได้มีโอกาสถามครูแมค)
ตลอด 2 ชั่วโมง
ของการบรรยายครั้งประวัติศาสตร์ของครูแมค
ผู้ฟังต่างอึ้ง ทึ่ง และสงสัย
แย่งกันถามครูแมค ให้อธิบายต่อ ที่น่าสนใจคือ คำถาม ถึงการเป็นไปได้
ของการเข้าไปสู่กล่องดวงใจโดยทางอากาศ หรือโดยทางรางรถไฟ
"จำตรงนี้กันไว้นะครับ"
ครูแมคตอบแต่เพียงว่า .....วัตถุประสงค์ของผม
ไม่ใช่การพยากรณ์ ว่า อนาคตของประเทศใด จะเป็นอย่างไร ผมเพียงแต่ ... จะบอกว่า
ภูมิศาสตร์นั้น สามารถนำไปปรับใช้ "สร้างสูตรทางการเมืองได้" ...
อนาคตของโลกจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า พวกเราทั้งหลาย
จะสามารถรักษาดุลยอำนาจในโลกอย่างไร
ระหว่างประเทศที่อาศัยเส้นทางทะเล ( พวกชาวเกาะ ) กับ ประเทศ ที่อยู่แถบ
heartland ...ด้านในของพื้นดิน ( พวกแแผ่นดินใหญ่ )
คำบรรยายของครูแมค น่าจะเป็นทั้งเข็มแทงใจดำใครบางคนและ.... ก็เป็นเข็มทิศ ในการสร้างยุทธศาสตร์ สำหรับหลายประเทศ..
...ฉิบหาย เกือบอดแดกแล้วสิกู.....
วันที่ครูแมคบรรยาย นั่นมันนานกว่า 100 ปีแล้วนะครับ !!!
แต่น่าสนใจว่า ทั้ง 2 ขั้วอำนาจ เหมือนจะ เอาทฤษฏีของครูแมค
มาปรับ "สร้างสูตรทางการเมือง" หรือ ยุทธศาสตร์ของตน และใช้จนถึงทุกวันนี้
คนเล่านิทาน
22 ธ.ค. 2558
- บทความโดย "คนเล่านิทาน"
- หมายเหตุ : เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
- ภาพประกอบจาก google