ดูจากข่าว ประชาชนในต่างจังหวัด ที่เคยเลือก พรรคเพื่อไทย ก็เริ่มที่จะเห็นความจริง และรังเกียจแพทองธาร ถึงกับตะโกนด่าทอว่า ขายชาติ แม้ตัวเธอเอง ก็ทราบอยู่แก่ใจว่า ประชาชนคนไทย ไล่ให้ไปเป็นนายกเขมร จากนี้ จะไปปรากฏตัวที่ไหนก็ลำบากแล้ว
ทุกวันนี้ ก็ไม่ทราบว่าหายไปไหน บางคนบอกว่าไปอึ๊บหน้า จริงไหมไม่ทราบ แต่เดี๋ยวนี้การเสพติดศัลยกรรม ก็เป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่เป็นนายกฯ ก็ทรุดโทรม แก่ขึ้นมาก แก่ไว แก่เร็ว จะไปอึ๊บให้สวย อ่อนเยาว์ขึ้น ก็ไม่แปลก เพราะอยู่ไป ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้อยู่แล้ว หายไปจึงดี คนไทยจำนวนมากอยากดูข่าวแม่ทัพภาค ๒ ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเธอ และข่าวการรักษาดินแดน มากกว่าเห็นเธอออกทีวี ....
ประชาชนและทหารไทยบาดเจ็บล้มตาย ต้องอพยพจากที่อยู่อาศัย เด็กนักเรียนไม่ได้เรียนหนังสือ ผู้ใหญ่ไม่ได้ทำงาน หนี้สินก็ทับถม ทหารต้องการงบประมาณความช่วยเหลือ เพื่อเสริมกำลังในทุกด้าน ประชาชนต้องทำทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือกันเอง แม้แต่การประชาสัมพันธ์ความจริงให้โลกทราบ มี สส. นักการเมือง กี่คน ที่ลงพื้นที่ไปดูแลช่วยประชาชนอย่างต่อเนื่องจริงจัง ??????
ความล้มเหลวของทักษิณ
และพรรคเพื่อไทย ในวันนี้
และพรรคเพื่อไทย ในวันนี้
เป็นเพราะทักษิณ พยายามเดินตามรอยฮุนเซนแทบทุกอย่าง ฮุนเซนสามารถล้มสถาบันกษัตริย์ ให้มาอยู่ใต้เงื้อมมือตัวเอง ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งของเขมร ส่วนทักษิณ ไม่สามารถทำอย่างฮุนเซนได้ และจะไม่มีวันทำได้ เพราะคนไทยรักสถาบันกษัตริย์ จึงมีประโยคว่า กราบไปสู้ไป พูดประโยคนี้ แทบทุกคนในประเทศ ก็พอจะทราบว่า หมายถึงครอบครัวใด ??
การเดินตามรอยฮุนเซนในเรื่องนี้ จึงทำให้ทักษิณ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา ๑๑๒ และถึงแม้ จะไม่โดนคดีดังกล่าว แต่คนไทยส่วนใหญ่ ก็ไม่เชื่อว่าทักษิณจงรักภักดีต่อสถาบันสถาบัน การเรียกทักษิณให้ถูกต้อง จึงต้องเรียกว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา ๑๑๒ และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ส่วนก่อนหน้านี้ ก็มีคำนำหน้าว่า นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร .... ส่วนฮุนเซนนั้นเล่า ต้องเรียกว่า "สมเด็จฮุนเซน" ซึ่งสูงกว่าทักษิณ
ฮุนเซน วางตัวลูก เพื่อสืบทอดอำนาจ และครอบครัวฮุนเซน ครอบครองธุรกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจสีเทา เขาทำสำเร็จระดับหนึ่ง อย่างน้อย ลูกเขาก็ได้รับการศึกษาอย่างดี เตรียมตัวก่อนขึ้นเป็นผู้นำ ส่วนทักษิณ ก็เช่นกัน สืบทอดส่งต่ออำนาจให้แต่คนในครอบครัว จนแทบจะหมดครัวแล้ว โดยไม่เคยให้คนในพรรคเพื่อไทย คนอื่นๆ ที่มีคุณวุฒิ และประสบการณ์ ขึ้นมามีอำนาจ " ยกเว้นนายเศรษฐา" ( ซึ่งบางคนก็บอกว่า ประหนึ่งเหมือนคนในครอบครัว ด้วยความสนิทสนมเป็นพิเศษกับน้องสาว - 😂 )
ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัดแล้ว ทายาท ฮุนเซน เหนือกว่า ทายาททักษิณทุกคน การศึกษาดี ไม่มีลูกติดยาเสพติด และทุกคนช่วยเป็นกำลังให้ฮุนเซนได้ โดยเข้าไปมีบทบาทในทั้งภาครัฐ การทหาร และสื่อสารมวลชน ซึ่งทั้งหมด คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ตระกูลของฮุนเซนมีชีวิตอยู่ได้ในเขมรอย่างผู้มีอิทธิพล ....
ส่วนทักษิณนั้น เดินตามรอยฮุนเซน โดยให้คนในครอบครัวสืบทอดอำนาจเป็นนายกฯ แต่ที่สุดแล้ว " ล้มเหลวทุกคน" ตัวเองก็ต้องระเห็จเร่ร่อน หนีคดีไปเกือบ 20 ปี น้องสาว ก็เช่นกัน ดูแล้วก็จะหมดโอกาสที่จะได้กลับมาเหยียบพื้นแผ่นดินไทย และลูกสาวก็มีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว ที่สำคัญโดนกล่าวหาว่าเป็นไส้ศึก ขายชาติ
ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ จะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนก็ต้องประหารเจ็ดชั่วโคตร !!!
ฮุนเซน มีหน่วยองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ชื่อ "กองกำลัง BHQ" สมัยทักษิณเป็นนายกฯ ก็มี "รัฐตำรวจ" เป็นเหมือนหน่วยองครักษ์พิทักษ์ทักษิณ แม้การแต่งกายของทีมการ์ดที่ติดตามครอบครัว ก็ยังเลียนแบบเขมร คือ ใส่เสื้อขาวแจ็คเก็ตดำ
เรื่องเศรษฐกิจ ผลประโยชน์ทับซ้อน ความมั่นคง และอธิปไตยของชาติ วันนี้ยิ่งชัดเจนว่า " ฮุนเซนคิด ทักษิณทำ" ไม่ว่าจะเรื่อง MOU 44 อ้างพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เกาะกูดของไทย ที่ทักษิณเคยไปทำสัญญาไว้กับฮุนเซน หรือเรื่องคลิปแพรทองธารคุยกับฮุนเซน โดยกล่าวหลายรอบว่า "ท่านต้องการอะไรก็ให้บอก" ทำให้เห็นว่า ทักษิณเป็นเบี้ยล่างของ ฮุณเซน โดยยอมฮุนเซนตลอดมา คือยอมตั้งแต่รุ่นพ่อและยอมจนถึงรุ่นลูกแพรทองธาร ....
ทุกอย่างที่ "ฮุนเซนคิด" ล้วนเป็นเพื่อประโยชน์แก่เขมร ส่วนที่ "ทักษิณทำ" ตามฮุนเซน ล้วนทำให้ไทยเสียประโยชน์ทั้งสิ้น ...
ในขณะที่ ฮุนเซนพยายามแสดงว่าตนและฮุนมาเนต ลูกชาย มีบทบาทมีอำนาจในเวทีโลก ทักษิณและลูกสาว กลับถูกด้อยค่าจากสื่อต่างชาติเป็นที่อับอายหมดความสง่างามในเวทีโลก เมื่อหมดบารมี ทักษิณก็หมดประโยชน์ ในสายตาฮุนเซน ....
วันนี้ เราจึงได้เห็นความฮึกเหิม ของฮุนเซน การขัดกันของผลประโยชน์กันระหว่างสองครอบครัว นำพาสงครามมาสู่ชายแดนไทย เขมร เป็นเรื่องที่ต้องจารึกไว้เป็นความอัปยศอดสูของทักษิณและแพทองธาร
เคยมี นักวิชาการโพสต์ว่า ในเมืองไทย มี "ผู้มีบารมี" ที่จะคุยกับฮุนเซนได้ เพียงแต่ไม่ได้มี ตำแหน่งในรัฐบาล การกล่าวเช่นนี้ตื้นเขินมาก และเหมือนกับเป็นการประจบทักษิณ ทำให้ดิฉัน ไม่ไว้วางใจนักวิชาการคนนั้นอีกต่อไป เพราะเห็นโพสต์ถึง ครอบครัวนี้อย่างเกรงอกเกรงใจหลายรอบแล้ว ดิฉันเคยคอมเมนต์แย้งไป ก็มีการเฉไฉไปว่า อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ ไม่ได้หมายถึง ทักษิณ ?? แต่การเขียนเช่นนั้น คนส่วนใหญ่ ไม่ได้คิดถึงคนอื่นเลย นอกจากทักษิณ ดิฉันก็อยากจะถามตรงนี้ว่า มาถึงเวลานี้ ผู้มีบารมีคนนั้นคือใคร ที่ว่าเป็นคนเดียวที่จะไปคุยกับฮุนเซนได้ ทำไมไม่พูดออกมา ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรัฐบาล แต่ถ้าคุยให้ชายแดนสงบได้ ก็ต้องทำในฐานะที่เป็นคนไทย ดิฉันเชื่อว่า จะไม่ได้รับคำตอบ เพราะดิฉันเชื่อว่าเขาหมายถึง ทักษิณนั่นแหละ คือผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ไม่มีคนอื่นอีก
และมาถึงเวลานี้ ก็คงพอจะกระจ่างกับใจแล้วว่า ทักษิณไม่ใช่ผู้มีบารมี ที่จะคุยกับฮุนเซนได้เลย และการเรียกคนอย่างทักษิณว่าเป็นผู้มีบารมี หรือกล่าวเป็นในนัย เพื่อยกยอเอาใจ เป็นเรื่องที่ดิฉันรับไม่ได้ และถือว่า เป็นการโพสต์เพื่อเรียกแขก ให้สังคมเกิดความสับสน และคิดเลยเถิด เรียกยอดไลก์ยอดคอมเมนต์ โดยไม่มีความรับผิดชอบในฐานะนักวิชาการเลย
วันนี้ จึงอยากจะขอเรียนว่า การเสพข่าวจากโซเชียล อย่ายึดติดตัวบุคคล ให้ดูลึกๆ ดูนาน ๆ วันนี้ ในทุกแวดวงกัน แม้แต่พระสงฆ์ เราก็ผิดหวังมามาก เวลานี้เป็นเวลาที่ จะพิสูจน์ตัวตน และจุดยืนของคน ...
ใครจะคิดว่า คนที่เคยนำมวลชนได้มหาศาล มาถึงวันนี้กลับกลายเป็นถูกถล่มไม่เหลือชิ้นดีเพราะอคติ โทสะ และความหลงตนเอง
ยุคนี้คนดี คนจริงเท่านั้น ถึงจะอยู่รอดปลอดภัย ถ้าใครไม่ซื่อตรง ก็กลับเนื้อกลับตัวเสียยังไม่สาย มิฉะนั้น ก็จะต้องพบกับจุดจบที่ไม่ดี ...
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้เพื่อที่จะยกยอฮุนเซน แต่อย่างใด
แต่เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า
- ทักษิณไม่ได้เก่งอย่างที่พูด
- ทักษิณไม่เคยมีผลงานที่ดีๆ ทำได้สำเร็จเลย
- พรรคเพื่อไทย ไม่มีความสามารถบริหารประเทศในทุกๆ ด้าน นโยบายที่หาเสียงไว้ ก่อนการเลือกตั้งเป็นเพียงลมปาก
ดูเหมือนเพื่อที่จะไปสู่จุดที่ฮุนเซนกำลังยืนอยู่ในขณะนี้ คือ เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศ " เหนือกษัตริย์ " แต่การที่ฮุนเซนมาถึงจุดนี้ได้ ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนในประเทศ ก็ต้องยอมรับว่า เพราะเขาทำเพื่อประเทศของเขา การรบกันวันนี้ เขาก็ทำเพื่อประเทศของเขา ถึงแม้นั้นจะเพื่อผลประโยชน์ของเขา และครอบครัวเป็นหลักใหญ่ก็ตาม แต่อย่างน้อย ก็คือ ฮุนเซนไม่ได้ขายชาติ แต่ฮุนเซนกลับกล่าวหาทักษิณ และแพรทองธาร ว่าเป็นคนเอาความลับของประเทศไทยไปบอกเขมร !!! ซึ่งแบบนี้คนไทยเราเรียกว่า "ขายชาติ"
การที่ฮุนเซนกล้าพูดถึงทักษิณและแพรทองธารเช่นนี้ เพราะต้องการฉีกหน้าทักษิณ และแพรทองธาร เพื่อให้คนไทยเกลียดครอบครัวทักษิณ แต่ทักษิณ ซึ่งปกติเป็นคนปากเก่งชอบโต้ตอบออกสื่อไม่เคยกลัวใคร แต่คราวนี้ ดูเหมือนจะกลัวฮุนเซนเอามากๆ ขนาดชายแดนไทยรบกันบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เคยเป็นถึงอดีตนายกฯ และสนิทกับฮุนเซน แต่กลับกบดานเงียบ ไม่ออกมาช่วยเจรจา และไม่กล้า แม้จะพูดอะไรสักคำ ที่จะคัดค้านโต้กลับคำพูดฮุนเซน ที่เปิดโปงตนเองและลูกสาว แค่นี้ก็พอจะเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า ....
"... ระหว่างฮุนเซนกับทักษิณนั้น ใครเกรงกลัวใคร ใครเป็นน้ำรองบ่อน และนั่น มันไม่ได้หมายถึงทักษิณคนเดียว มันหมายถึงเกียรติ และศักดิ์ศรีของทักษิณและครอบครัวลูกหลานชินวัตรทุกคน ...."
พวกเราคนไทยจงดีใจ และภูมิใจเถิด
ถึงแม้เราจะไม่ได้รวยเป็นพันล้านหมื่นล้าน แต่เราก็ยังมีความภาคภูมิใจ ในความเป็นคนไทย ที่ไม่ต้องเป็นรองบ่อนคนเขมร และฮุนเซน ...
คำว่า Thaksinomics (ทักษิโนมิกส์) ที่พรรคเพื่อไทย เคยเชิดชู อย่างชื่นชม คงต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว เพราะไม่มีอยู่จริง !!!
น่าจะเรียกว่า Hunsenomics (ฮุนเซนโนมิกส์) มากกว่า ...
ตามแนวคิดที่ว่า "ฮุนเซนคิด ทักษิณทำ"

๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๘