คุณมีแรงเขียนคำผิด ฉันก็มีแรงบอกคำถูก ....
“ฉัน” เป็นคำไทย“ฉันท์” เป็นคำบาลี
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ฉัน” ไว้ 4 คำ บอกไว้ดังนี้ -
(1) ฉัน ๑ : (คำสรรพนาม) คำใช้แทนตัวผู้พูด พูดกับผู้ที่เสมอกันหรือผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อย, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.
(2) ฉัน ๒ : (คำกริยา) กิน (ใช้แก่ภิกษุสามเณร).
(3) ฉัน ๓ : (คำวิเศษณ์) เสมอเหมือน, เช่น, อย่าง, เช่น ฉันญาติ.
(4) ฉัน ๔ : (คำวิเศษณ์) มีแสงกล้า, มีแสงพุ่งออกไป, เช่น พระสุริฉัน.
ขอเสนอ วิธีจำเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้ -
ฉ + ไม้หันอากาศ + น = ฉัน
ฉันเช้า ฉันเพล ฉันภัตตาหาร
“ฉัน” เท่านี้ ไม่ต้องมี ท การันต์
(๒) “ฉันท์” เป็นคำบาลี
“ฉันท์” เขียนแบบบาลีเป็น “ฉนฺท” อ่านว่า ฉัน-ทะ รากศัพท์มาจาก -
(1) ฉนฺทฺ (ธาตุ = ปรารถนา) + อ (อะ) ปัจจัย
: ฉนฺทฺ + อ = ฉนฺท (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ความปรารถนา”
(2) ฉทฺ (ธาตุ = ปิด, บัง, ระวัง) + อ (อะ) ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ต้นธาตุแล้วแปลงเป็น นฺ (ฉท > ฉํท > ฉนฺท)
: ฉทฺ + อ = ฉท > ฉํท > ฉนฺท (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “บทประพันธ์ที่ปกปิดโทษคือความไม่ไพเราะ”
“ฉนฺท” ในบาลีใช้ในความหมาย 3 อย่าง คือ -
(1) สิ่งกระตุ้นใจ, แรงดลใจ, ความตื่นเต้น; ความตั้งใจ, การตกลงใจ, ความปรารถนา; ความอยาก, ความประสงค์, ความพอใจ (impulse, excitement; intention, resolution, will; desire for, wish for, delight in)
(2) ความยินยอม, ความยอมให้ที่ประชุมทำกิจนั้น ๆ ในเมื่อตนมิได้ร่วมอยู่ด้วย (consent, declaration of consent to an official act by an absentee) ความหมายนี้คือที่เราพูดว่า “มอบฉันทะ”
(3) ฉันทลักษณ์, กฎเกณฑ์ว่าด้วยการแต่งฉันท์, ตำราฉันท์; บทร้อยกรอง (metre, metrics, prosody; poetry)
**** ความหมายในข้อ (3) นี้ คือ ที่ภาษาไทยพูดว่า “กาพย์กลอนโคลงฉันท์” บาลีไม่ได้เรียกแยกชนิดเหมือนไทย คงเรียกรวมทุกอย่างว่า “ฉนฺท-ฉันท์” แต่มีชื่อเฉพาะ สำหรับฉันท์แต่ละชนิด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “คาถา”
(3) ฉัน ๓ : (คำวิเศษณ์) เสมอเหมือน, เช่น, อย่าง, เช่น ฉันญาติ.
(4) ฉัน ๔ : (คำวิเศษณ์) มีแสงกล้า, มีแสงพุ่งออกไป, เช่น พระสุริฉัน.
ขอเสนอ วิธีจำเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้ -
- ฉัน ๑ ฉัน-กู
- ฉัน ๒ ฉัน-กิน
- ฉัน ๓ ฉัน-เหมือน
- ฉัน ๔ ฉัน-ส่องแสง
ฉ + ไม้หันอากาศ + น = ฉัน
ฉันเช้า ฉันเพล ฉันภัตตาหาร
“ฉัน” เท่านี้ ไม่ต้องมี ท การันต์
(๒) “ฉันท์” เป็นคำบาลี
“ฉันท์” เขียนแบบบาลีเป็น “ฉนฺท” อ่านว่า ฉัน-ทะ รากศัพท์มาจาก -
(1) ฉนฺทฺ (ธาตุ = ปรารถนา) + อ (อะ) ปัจจัย
: ฉนฺทฺ + อ = ฉนฺท (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ความปรารถนา”
(2) ฉทฺ (ธาตุ = ปิด, บัง, ระวัง) + อ (อะ) ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ต้นธาตุแล้วแปลงเป็น นฺ (ฉท > ฉํท > ฉนฺท)
: ฉทฺ + อ = ฉท > ฉํท > ฉนฺท (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “บทประพันธ์ที่ปกปิดโทษคือความไม่ไพเราะ”
“ฉนฺท” ในบาลีใช้ในความหมาย 3 อย่าง คือ -
(1) สิ่งกระตุ้นใจ, แรงดลใจ, ความตื่นเต้น; ความตั้งใจ, การตกลงใจ, ความปรารถนา; ความอยาก, ความประสงค์, ความพอใจ (impulse, excitement; intention, resolution, will; desire for, wish for, delight in)
(2) ความยินยอม, ความยอมให้ที่ประชุมทำกิจนั้น ๆ ในเมื่อตนมิได้ร่วมอยู่ด้วย (consent, declaration of consent to an official act by an absentee) ความหมายนี้คือที่เราพูดว่า “มอบฉันทะ”
(3) ฉันทลักษณ์, กฎเกณฑ์ว่าด้วยการแต่งฉันท์, ตำราฉันท์; บทร้อยกรอง (metre, metrics, prosody; poetry)
**** ความหมายในข้อ (3) นี้ คือ ที่ภาษาไทยพูดว่า “กาพย์กลอนโคลงฉันท์” บาลีไม่ได้เรียกแยกชนิดเหมือนไทย คงเรียกรวมทุกอย่างว่า “ฉนฺท-ฉันท์” แต่มีชื่อเฉพาะ สำหรับฉันท์แต่ละชนิด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “คาถา”
ในภาษาไทย ใช้เป็น “ฉันท-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) “ฉันท์” และ “ฉันทะ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ -
(1) ฉันท- ๑, ฉันท์ ๑ : (คำนาม) ชื่อคำประพันธ์ประเภทหนึ่งที่วางคำ ครุ ลหุ เป็นแบบต่าง ๆ. (ป.).
(2) ฉันท- ๒, ฉันท์ ๒, ฉันทะ : (คำนาม) ความพอใจ, ความรักใคร่, ความชอบใจ, ความยินดี; ความร่วมความคิดความเห็นกัน เช่น ลงมติเป็นเอกฉันท์, ความไว้เนื้อเชื่อใจ เช่น มอบฉันทะ. (ป.).
“ฉนฺท” ถ้าต้องการให้ออกเสียง “-ทะ” ก็เขียนว่า “ฉันทะ” ถ้าต้องการให้ออกเสียงว่า “ฉัน” ก็เขียนว่า “ฉันท์” (การันต์ที่ ท) ซึ่งเสียงพ้องกับ “ฉัน” คำไทย
ดังนั้น :
พระภิกษุสามเณร ฉันเช้า ฉันเพล ฉันภัตตาหาร ใช้ “ฉัน” << ตัวนี้
ฉันท์เช้า ฉันท์เพล ฉันท์ภัตตาหาร แบบนี้คือ ❌ เขียนผิด อย่าใช้ “ฉันท์” ตัวนี้ !!!!
ขยายความ :
พระภิกษุสามเณรในเมืองไทย โดยทั่วไป "ฉัน" วันละ 2 เวลา คือ เวลาเช้า ตั้งแต่ตะวันขึ้น จนใกล้สาย หรือเวลาระหว่าง 07:00 นาฬิกา ถึง 08:00 นาฬิกา เรียกว่า “ฉันเช้า” และเวลาระหว่าง 11:00 นาฬิกา ถึง 12:00 นาฬิกา เรียกว่า “ฉันเพล”
เปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 แถมให้ อีกคำหนึ่ง คือคำว่า “เพล” พจนานุกรมฯ บอกไว้ดังนี้ -
“เพล : (คำนาม) เวลาพระฉันกลางวัน คือ เวลาระหว่าง ๑๑ นาฬิกาถึงเที่ยง เรียกว่า เวลาเพล. (ป., ส. เวลา ว่า กาล).”
คำอธิบายในพจนานุกรมฯ บอกว่า “เวลาพระฉันกลางวัน” ก็สะกดว่า “ฉัน” เกลี้ยง ๆ แบบนี้ ไม่มี ท การันต์
“ฉันกลางวัน” ก็คือ “ฉันเพล”
แถม :
ถ้าคนไทยขยันเปิดพจนานุกรมกันให้มากขึ้น ..... คำที่เขียนผิด ๆ ก็จะน้อยลง...
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีโปรแกรม ที่สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งไว้ในโทรศัพท์มือถือได้ และเปิดอ่านได้ทุกที่ ไม่ต้องใช้สัญญาณอินเทอเน็ต ....
ถ้าเด็กไทย ในวันนี้ แบ่งเวลาเขี่ยโทรศัพท์เล่นเกม (เล่นติ๊กต๊อก - แอดมิน) มาใช้เวลาเขี่ยโทรศัพท์อ่านพจนานุกรมกันบ้าง .... เพื่อ
คนไทยวันหน้า - ก็จะเขียนภาษาไทยถูกต้องมากขึ้น และคำที่เขียนผิด ๆ ก็จะน้อยลง
.... ภาษาไทยก็จะงามมากขึ้น และทรามน้อยลง.....
แต่น่าเสียดายที่ - ......
- พ่อแม่ไทยวันนี้ ไม่ได้สอนลูกหลาน ให้รู้จักพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (เพราะตัวพ่อแม่เองก็ไม่รู้จัก)
- ครูบาอาจารย์ในสถานศึกษาวันนี้ ก็ไม่ได้ปลูกฝังให้นักเรียนนักศึกษารักการเปิดพจนานุกรม ....
.....ซ้ำร้าย กลับไม่มีใครเห็นว่าเสียหาย ?!!
..............
ดูก่อนภราดา!
: เขียนคำผิดแล้วเห็นว่าไม่เสียหาย คือความล่มสลายของภาษาไทย (และทุกภาษา)
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา