“ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้”
.. แยก 'รัฐปาตานี'
.. ฉันทามติของใคร หรือ
.. เป็นอธิปไตยคนไทยทุกคน?
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวการเมืองสารพัด หลายเรื่องควรปล่อยไปตามคำวินิจฉัยขององค์กรที่เกี่ยวข้อง.. แต่เรื่องหนึ่งที่ผม มิอาจปล่อยได้คือ ..
ความพยายามจัดประชามติ - เคลื่อนไหวลองเชิง เพื่อแบ่งแยกตัวเองของ 3 จังหวัดภาคใต้ ภายใต้ชื่อ 'รัฐปาตานี' ที่ร่วมขบวนโดย กลุ่มนักศึกษา และตัวแทนพรรคการเมืองกลุ่มหนึ่ง ...
จากประชามติ "แยกดินแดน - แยกตัวเป็นเอกราช”
ที่ทำกันที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ไปจนถึงการประชุมถกร่วม 8 พรรค ของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล ..เรื่องเหล่านี้ ทำให้ผมเป็นห่วง เพราะฟังแล้วออกจะผิดแปลก จากกรอบรัฐธรรมนูญ
มาตรา 1 “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้”
กลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่ง อ้างความคิดแบ่งแยกจากจุลสาร "สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง" ซึ่งเขียนโดย ณัฐกฤษตา เมฆา เพื่อขยายความเรื่องสันติภาพที่แท้จริง ซึ่งประชาชนเป็นเจ้าของ
ผมขอถามว่า "ใครคือเจ้าของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้"
ผมขอถามว่า "ใครคือเจ้าของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้"
- คนที่ถือโฉนดที่ดิน มีกรรมสิทธิ์ ?- ผู้อยู่อาศัย ที่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่ ?
..ปล่าวเลย
เจ้าของ คือ "ประชาชนคนไทย 66 ล้านคน" ที่มีอธิปไตยในประเทศตนเอง
การทำประชามติ จากกลุ่มนักศึกษา เรื่องเอกราชของ 3 จังหวัดชายแดน นอกจากสุ่มเสี่ยงผิดรัฐธรรมนูญ.. อีกทั้งยังละเมิดเจ้าของพื้นดิน 3 จังหวัดภาคใต้ตัวจริง ซึ่งคือประชาชนทุกคนใน 76จังหวัด + 1 กรุงเทพ
อยากทำประชามติแบบแฟร์ๆ ต้องทำมันทุกจังหวัดครับ ไม่ใช่พื้นที่ไม่กี่อำเภอในพื้นที่ .เพราะคนไทยทุกคนเป็นเจ้าของพื้นที่ เสียภาษี เพื่อทำนุบำรุง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มายาวนาน ไม่ใช่ปิดประตู ถามแค่คนในแบบนี้
ถามเอง-ลงมติเอง-แยกเอง
"คนไทยทุกคน" เสียหาย .. จะเดินทางเข้ายะลา, ปัตตานี, นราธิวาส ต้องขออนุญาติ ทำเรื่องวีซ่าเข้า ทั้งที่พื้นที่นี้ คือ แผ่นดินของคนไทยเราร่วมกัน ใช่หรือไม่ ?
"ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว ที่จะแบ่งแยกมิได้"
นี่ยังไม่ได้ พูดความสามารถในการเลี้ยงดูตัวเองของ 3 จังหวัด ที่ยังจัดเก็บภาษีได้น้อย และพึ่งงบประมาณช่วยเหลือต่อปี จากส่วนกลางจำนวนมาก
"ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว ที่จะแบ่งแยกมิได้"
นี่ยังไม่ได้ พูดความสามารถในการเลี้ยงดูตัวเองของ 3 จังหวัด ที่ยังจัดเก็บภาษีได้น้อย และพึ่งงบประมาณช่วยเหลือต่อปี จากส่วนกลางจำนวนมาก
ปัตตานี จัดเก็บภาษีได้เอง 182 ล้านบาท
ยะลา จัดเก็บภาษีได้เอง 215 ล้านบาท
นราธิวาส จัดเก็บภาษีได้เอง 128 ล้านบาท
( เทียบกับจังหวัดอื่นในปี 65 สงขลา 1,074 ล้าน, กรุงเทพ 19,748 ล้าน, อุบลราชธานี 640 ล้าน, เชียงราย 548ล้าน เป็นต้น)
แต่ทั้ง 3 จังหวัดยังต้องพึ่งพา งบจัดสรรทางภาครัฐ
+ เงินอุดหนุน (Intergovernmental Transfers)
รวมทั้งหมดถึง 17,894ล้านบาท
จำนวนเงินแตกต่างกันมหาศาล จนมีคำถามว่า ...
+ เงินอุดหนุน (Intergovernmental Transfers)
รวมทั้งหมดถึง 17,894ล้านบาท
จำนวนเงินแตกต่างกันมหาศาล จนมีคำถามว่า ...
เมื่อปราศจากเงินภาครัฐส่วนกลาง ทั้ง 3 จังหวัดจะมีการบริหารตัวเองอย่างไร?
ความคิด อยากเปลี่ยนแปลง ต้องตั้งอยู่ในสมมุติฐานความเป็นจริง เคารพต่อรัฐธรรมนูญ หลักการประชาธิปไตย ที่ประชาชนไทยทุกคนต้องมีส่วนร่วม,
คำนึงถึงความพร้อมด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง, ความมั่นคงของประเทศ
หาใช่เพียงการไม่ยอมรับความแตกต่าง ต่อต้าน และไวต่อแรงยั่วยุของกลุ่มบุคคลไม่หวังดี ...
ผมยังเชื่อว่า พี่น้อง 3 จังหวัดภาคใต้
ยังสามารถหาทางออกร่วมกับประเทศ อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ต่างชาติพันธุ์ ต่างศาสนา
เรามาหาแนวทางพิทักษ์สันติราษฎร์ที่โปร่งใสขึ้น ทุกคนยอมรับได้... อย่างสันติวิธีดีกว่าครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ก้าวไกล-7 พรรคชิ่งแล้ว! ตัดหาง 'องค์กรนักศึกษาสามจังหวัดชายแดนใต้'
https://www.thaipost.net/hi-light/394096/
ย้อนฟังคลิป "พิธา" พ่นคำพูดสุดอันตราย
ก่อนมีดราม่าแยกปัตตานี
ก่อนมีดราม่าแยกปัตตานี
แกะรอยแนวร่วม "แบ่งแยกดินแดน"
เดินยุทธศาสตร์คู่ขนาน "ธนาธร-ม็อบ 3 นิ้ว"
เดินยุทธศาสตร์คู่ขนาน "ธนาธร-ม็อบ 3 นิ้ว"
‘ปัตตานี’ อยู่ภายใต้การปกครองของสยามอย่างถูกต้องมาแต่โบราณ
..... มีพวกบิดเบือนประวัติศาสตร์ชอบให้ข้อมูลว่า เมืองปัตตานีเป็นอิสระไม่เคยขึ้นตรงกับสยาม มาจนถึงช่วงที่มีการทำสนธิสัญญาแองโกล-สยาม ในสมัย ร.5 ที่สยามได้ยก 4 หัวเมืองทางใต้ให้กับอังกฤษ และให้อังกฤษรับรองอธิปไตยของสยามเหนือปัตตานี ทำให้ปัตตานีตกอยู่ภายใต้อำนาจของสยามตั้งแต่นั้นมา นี่คือ “ความมั่ว” ของนักวิชาการบางคนที่ไม่ค่อยอ่านเอกสารชั้นต้น จนทำให้ประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยน แถมยังพยายามโจมตีด้วยว่าเป็นการล่าอาณานิคมภายในของสยาม
Tweet