บทความโดย :: Nutthapong Larbboonsarp
อ่านเรื่องที่นักการเมืองคนหนึ่งออกมาแถลงเรื่องงานศพพ่อ แล้วก็ยังงงอยู่ เพราะตอบคำถามไม่ครบ หรืออันที่จริงจะเรียกว่าแทบจะไม่ตอบคำถามเลยก็ได้ เพราะนักการเมืองนายนี้ ตอบคำถามแค่ข้อที่คนสงสัยว่า ....
สรุปแล้ว ในช่วงเดือนกันยายน 2549 บินกลับจากอเมริกามางานศพพ่อทันหรือไม่ทัน แต่ประเด็นอื่นที่ได้รับการตั้งคำถามกลับไม่ตอบ และทำให้เกิดข้อสงสัยเพิ่ม เช่น
(1) คุณให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ ในเดือนเมษายนปี พ.ศ.2566 ( เทปนาทีที่ 39.45 โดยประมาณ) ว่าคุณพ่อคุณเสียชีวิตในวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ที่จริงแล้วคุณพ่อคุณเสียชีวิตวันที่ 18 กันยายน 2549 เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะจำผิดเพราะเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของแต่ละคน ชวนให้ตั้งข้อสงสัยว่า ต้องการโยงอะไรไปถึงเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวหรือไม่ บางคนอาจจะท้วงติงว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ทำไมต้องจับผิด คำตอบคือ ไม่ได้จับผิด แค่สงสัย และยิ่งเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำไมถึงพูดความจริงไม่ได้ ?
(2) คุณไม่ได้ตอบคำถามข้อที่ว่าตกลงแล้วคุณเป็นนักเรียนหรือเป็นข้าราชการการเมือง เพราะในรายการสุริวิภา พ.ศ.2552 คุณระบุว่าคุณเป็นนักเรียนคนหนึ่ง แต่พอมาปีนี้คุณบอกคุณเป็นข้าราชการการเมือง สรุปแล้วคุณเป็นอะไรกันแน่ในวัยยี่สิบต้น ๆ
(3) ถ้าอ้างตามคำสัมภาษณ์ของคุณในรายการสุริวิภา พ.ศ.2552 คุณไม่ได้ตอบคำถามว่าคุณใช้สิทธิอะไรในการนั่งเครื่องบินของรัฐบาลไทยที่จัดไว้ให้เฉพาะคณะทำงานของรัฐบาลกลับมา ถ้าลูกชาวบ้านธรรมดาประสบเหตุเภทภัยเช่นนี้เขาจะมีสิทธิขอนั่งเครื่องบินลำนี้กลับมาหรือไม่ คนที่มักจะชี้โทษผู้อื่นเรื่องการเอารัดเอาเปรียบ ความไม่เท่าเทียม การได้อภิสิทธิ์ การละเมิดสิทธิผู้อื่น ฯลฯ ควรจะต้องชี้แจงประเด็นนี้ได้ หรือหากใครจะแก้แทนว่าตอนนั้นเขายังเด็ก ตอนนี้เขามีวุฒิภาวะมากขึ้นแล้ว ก็ต้องตั้งคำถามต่อไปว่าแล้วเพราะเหตุใดจึงไม่ตอบคำถามข้อนี้เมื่อตนมีวุฒิภาวะแล้ว จะขอโทษก็ได้ พ่อใครใครก็รัก ผมไม่ปฏิเสธว่าในสภาวะที่จิตใจอ่อนแอ อะไรที่จะทำให้เราเดินทางไปหาคนที่เรารักที่สุดได้ เราก็คงไม่ทันคิดถึงปัจจัยอื่น ๆ
(4) คุณไม่ได้ตอบคำถามประเด็นที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่าตกลงแล้วคุณโดยอายัดทรัพย์สินจริงหรือไม่ ถึงขนาดต้องวิ่งหาเงินมาทำศพคุณพ่อ
ผมเห็นว่ายังมีประเด็นหลายประเด็นที่นักการเมืองรายนี้ยังตอบข้อสงสัยไม่ได้
เมื่อขันอาสาจะมาบริหารประเทศ และมีผู้คนให้โอกาส ก็ควรตอบคำถามให้ได้ทุกประเด็นอย่างโปร่งใส พวกเราจะได้เห็นว่าคุณเป็นคนซื่อมีสัจจะ ดีกว่านักการเมืองคนอื่น ๆ ที่แล้วมาครับ
ข้อความจากนี้ ไม่เกี่ยวกับนักการเมืองคนข้างต้น และข้อความข้างต้นยังไม่ได้ตัดสินนักการเมืองคนดังกล่าว เพราะเขายังมีโอกาสอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้กระจ่างอยู่มากกว่าการลงรูปกระดานเจ้าภาพสวดศพพร้อมกับข้อความที่ไม่ได้ตอบคำถามอย่างครบถ้วน และผมยกตัวอย่างกรณีที่สังคมสงสัยนี้มาเป็นตัวอย่างหนึ่งในบรรดาสารพัดข้อสงสัยที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิสงสัยนักการเมืองได้
สังคมไทยต้องช่วยกันจับโกหกพวกนักการเมือง เพราะคนโกหกไม่ควรมีที่ยืน ถ้านักการเมืองโกหกประชาชนได้แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย อำพรางความจริง พูดแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ตัวและอำพรางข้อมูลด้านอื่นเอาไว้
คนพวกนี้คือนักการเมืองชั้นเลว เพราะดูถูกสติปัญญาประชาชน และคงจะเล็งเห็นว่าผู้คนที่เป็นลูกหาบกองเชียร์ของตนเองมีสติปัญญาอับทึบ พูดอะไรไปก็เชื่อ พูดโกหกวันนี้พรุ่งนี้ก็ลืม เดี๋ยวทำดีโปรยยาหอมหว่านเสน่ห์เรื่องใหม่หน่อยเรื่องเก่าก็ไม่มีใครสนใจแล้ว
คนแบบนี้หรือ ? ควรจะอาสามาบริหารประเทศ และหากได้บริหารประเทศจริง ประเทศจะเดินไปในทิศทางที่เป็นความจริงได้อย่างไร และเมื่อประเทศเสียหาย คนที่ได้รับผลกระทบก่อนก็คือกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้มีรายได้น้อย คนชายขอบ เด็ก ผู้สูงอายุ คนว่างงาน ฯลฯ คนที่ดูแลพึ่งพาตัวเองได้จะได้รับผลกระทบทีหลังหรือได้รับผลกระทบน้อย เพราะฉะนั้นหากใครเห็นใจและให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ จริง ก็ควรจะช่วยกันล้างเผ่าพันธุ์นักการเมืองพวกนี้ไม่ให้มีที่ยืน
ที่พูดมานี้พูดถึงทุกพรรค กรณีที่เห็นนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างที่เท่านั้น ที่ผ่านมาไล่ดูตามโลกโซเชียลก็เห็นความพยายามในการจับโกหกนักการเมืองกันมากมาย เพราะฉะนั้นจึงควรจะต้องไล่จับโกหกให้ถ้วนทั่ว ไม่ใช่ไล่จับโกหกแต่คนที่ตัวเองไม่ชอบ แต่พอถึงเวลาไปพวกที่ตัวเองนิยมชมชอบก็เหมือนหูหนวกตาบอดไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อันนี้เรียกว่าไม่ต้องรอให้คนอื่นกดหัว เพราะกดหัวตัวเองเรียบร้อยแล้วให้ตกเป็นทาสนักการเมืองจำพวกนั้นโดยไม่มีเงื่อนไข
เพราะฉะนั้น ถ้าใครก็ตาม เห็นว่าคนที่เอาแต่อวยพวกของตัวเองและจับผิดแต่พวกตรงข้ามเป็นคนเลว ต่ำทราม โง่ ล้าหลัง และเป็นตัวถ่วงความเจริญ ก็อย่าได้ทำสันดานเลว ต่ำทราม โง่ ล้าหลัง และเป็นตัวถ่วงความเจริญเสียเองด้วยเช่นเดียวกัน
ถ้าเป็นประชาธิปไตยจริง อย่าเริ่มต้นด้วยการโกหกครับ เพราะมันเหี้ย... เหมือนที่เคยมีคนหลอกกองกำลังทหารว่าจะมาซ้อมฝึกยุทธวิธีแต่พอมาถึงจริง ๆ แล้วนายก็สั่งให้ไปไล่ยึดบ้านคนอื่นเพื่อปฏิวัตินั่นแหละครับ ถ้าสงสัยว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร กรุณาติดต่อถามได้ที่พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น) และหลวงรณสิทธิพิชัย (เจือ กาญจนินทุ) เป็นต้น
หากไม่เห็นด้วยในประเด็นไหนข้างต้น ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ภายใต้กรอบของมารยาทและกฎหมายครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- https://youtu.be/0c7AQKZ4N6E?t=167
- เพื่อนพ่อเห็นกับตา “พิธา” อยู่งานศพตั้งแต่คืนแรก แฉยับ กุข่าว คมช. คุมตัวยึดทรัพย์ | STALKER https://www.youtube.com/watch?v=LbC5tv8o30U
Tweet