เปิดตำนาน "จระเข้" (ក្រពើ) สัญลักษณ์แห่งความเจ้าเล่ห์และอกตัญญูผ่านนิทาน "จระเข้กับพราหมณ์" และสุภาษิตเขมร สะท้อนบทเรียนประวัติศาสตร์เมื่อครั้งคนไทยช่วยผู้อพยพสงครามกลางเมือง แต่กลับถูกแว้งกัดด้วยการปล้นฆ่าและรุกล้ำดินแดนจนกลายเป็นที่มาของอุทาหรณ์สอนใจคนไทยจนถึงปัจจุบัน
จระเข้ / ក្រពើ สัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์และความอกตัญญู
ในวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จระเข้ (ภาษาเขมร: ក្រពើ - กระเปือ) ไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลื้อยคลานที่ดุร้ายในธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังถูกตีความผ่านนิทานพื้นบ้าน และภาษิตโบราณ ให้เป็นตัวแทนของคุณลักษณะทางจิตใจที่น่าหวาดหวั่น โดยมักถูกนำมาเปรียบเปรยถึง คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมสูง ซ่อนความคิด และพร้อมหักหลังผู้มีพระคุณ นั่นคือ “ความเจ้าเล่ห์” และ “ความอกตัญญู”
จระเข้ เป็นสัตว์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการ นิ่ง เงียบ อดทน และถนัดการซุ่มโจมตี มันสามารถอยู่นิ่งๆ ในน้ำ ได้เป็นเวลานาน ก่อนจะจู่โจมเหยื่ออย่างฉับพลัน .... ลักษณะนี้จึงถูกนำมาเปรียบกับคนที่ ....
- แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
- พูดจาดี มีมารยาท
- แต่แอบวางแผนเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
“จระเข้กับพราหมณ์” ( រឿងក្រពើនិងព្រាហ្មណ៍ ) ปรากฏชัดในนิทานพื้นบ้าน ซึ่งเล่าถึงจระเข้ตัวหนึ่ง ที่กำลังจะตายอยู่ในบ่อที่น้ำแห้งขอด เมื่อเห็นพราหมณ์เดินผ่านมา มันจึงร้องขอความช่วยเหลือ ด้วยถ้อยคำที่ดูน่าสงสาร พราหมณ์ ผู้มีจิตใจเมตตา จึงยอมแบกจระเข้ไปปล่อยที่แม่น้ำเพื่อให้มันรอดชีวิต
ทว่า ทันทีที่ถึงฝั่งน้ำ จระเข้กลับหันมาจะคาบพราหมณ์กินเป็นอาหาร โดยอ้างหน้าตายว่า "ทำไปเพราะความหิว" โดยไม่สนบุญคุณ ที่พราหมณ์เพิ่งช่วยชีวิตตนไว้ นิทานเรื่องนี้ จึงกลายเป็นต้นกำเนิดของนิยามจระเข้ในฐานะสัตว์ที่ไม่รู้จักบุญคุณคน
จากเรื่องราวนี้ ในภาษาเขมร จึงมีสำนวนที่ว่า "ធ្វើគុណបានទោសដូចជួយក្រពើ" (ทเวอ กุน บาน โตส โดจ จวย กระเปือ) ซึ่งแปลว่า "ทำบุญได้โทษ เหมือนช่วยจระเข้" สื่อถึงการช่วยเหลือคนพาล ที่ไม่เพียงไม่สำนึกในบุญคุณ แต่ยังแว้งกัดผู้ที่ช่วยชีวิตตน
บทเรียนจากประวัติศาสตร์ : เมื่อคนไทยช่วย "จระเข้เขมร"
เมื่อนำสัญลักษณ์นี้มาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ จะเห็นความสอดคล้องที่น่าตกใจ โดยเฉพาะในช่วงสงครามกลางเมืองในกัมพูชา ที่ชาวเขมรต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส ในครั้งนั้น คนไทยได้ให้ความช่วยเหลือทั้งด้านมนุษยธรรมและที่พักพิง
ในช่วงปี พ.ศ. 2518–2532 ประเทศกัมพูชา ตกอยู่ภายใต้วังวนของสงครามกลางเมือง และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยเฉพาะในยุคเขมรแดง ที่ทำให้ชาวกัมพูชานับล้านคน ต้องหนีตายจากความอดอยาก และการถูกเข่นฆ่า ทะลักเข้ามายังชายแดนไทย ในเวลานั้น รัฐบาลไทย และประชาชนไทยได้เปิดรับผู้อพยพชาวเขมรด้วยหลักมนุษยธรรม โดยมีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวหลายแห่ง เช่น ศูนย์เขาล้าน จังหวัดตราด (ในพระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ) และ ค่ายเขาอีด่าง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งคนไทยได้หยิบยื่นทั้งอาหาร ยารักษาโรค และที่พักพิงให้แก่ชาวเขมรเป็นจำนวนมหาศาลต่อเนื่องยาวนานนับสิบปี ก่อนที่พวกเขาจะได้รับโอกาสไปประเทศที่สามหรือเดินทางกลับบ้านเมืองในเวลาต่อมา ...
แต่สิ่งที่ ประเทศไทย ได้รับกลับมาในหลายกรณี ในปัจจุบัน คือ การเข้ามาของคนเขมร ปล้นฆ่าคนไทยตามแนวชายแดน รวมถึงการรุกล้ำ และแย่งชิงที่ดินทำกินของคนไทยมายาวนานหลายสิบปี พฤติกรรมเหล่านี้ ถูกมองว่าไม่ต่างจากการที่จระเข้ ที่หันมาแว้งกัดพราหมณ์ ผู้ช่วยชีวิต เป็นการกระทำที่เจ้าเล่ห์และอกตัญญูต่อผู้ที่หยิบยื่นไมตรีให้ในยามยาก
จากบริบทดังกล่าว จึงมีการหยิบยกสุภาษิตข้างต้นมาแปลง เพื่อสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นกับคนไทยว่า
"ជនជាតិថៃធ្វើបុญទៅសត្វក្រពើខ្មែរ"
(คนไทยทำบุญกับจระเข้เขมร)
คำนี้มีความหมายลึกซึ้งว่า คนไทยได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ไม่รู้จักพอ และไม่มีวันสำนึกบุญคุณ บทเรียนจากเรื่อง "จระเข้" จึงไม่ได้เป็นเพียงนิทานสอนเด็ก แต่เป็นอุทาหรณ์ในการคบคน และการช่วยเหลือคน ว่า ความเมตตาที่วางไว้ผิดที่ อาจกลายเป็นภัยที่ย้อนกลับมาทำลายตัวเองในที่สุด
หากคุณต้องการอ่านรายละเอียดเชิงลึก ทั้งภาพถ่ายประวัติศาสตร์ รายงานสถิติ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์เหล่านี้ครับ
- สภากาชาดไทย (redcross.or.th): ค้นหาเรื่อง "ศาลาราชการุณย์ เขาล้าน" จะมีประวัติการช่วยเหลือผู้อพยพชาวกัมพูชาที่ชัดเจนที่สุดในแง่มุมของความเมตตาและมนุษยธรรม
- คลังทรัพยากรการเรียนรู้เสมือนจริง (Resource Center): ค้นหาเกี่ยวกับ "วิกฤตการณ์ผู้อพยพชายแดนไทย-กัมพูชา" เพื่อดูภาพรวมเชิงรัฐศาสตร์และผลกระทบที่คนไทยชายแดนได้รับ
- มูลนิธิศาลาเขาอีด่าง (Khao I Dang Memorial): เป็นแหล่งข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับค่ายผู้อพยพที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งสะท้อนภาพการใช้ชีวิตของชาวเขมรในความดูแลของไทย
- เว็บไซต์ศิลปวัฒนธรรม (silpa-mag.com): มักมีบทความวิเคราะห์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในช่วงสงครามเย็น ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งตามแนวชายแดนในยุคนั้น
- ศูนย์ที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชาเขาอีด่าง - วิกีพีเดีย
แรงบันดาลใจ เรื่องและภาพ โดย : โรม สุวพจน์ จุลกทัพพะ






.jpg)
