ในยุคโซเชียลมีเดีย ครองโลก .... ที่ขอบเขตของ “ความบันเทิง” ถูกขยับให้กว้างขึ้น อย่างไม่สิ้นสุด .... ตั้งแต่คลิปทำมุข ตลกเบาๆ ไปจนถึงพฤติกรรมสุดโต่ง ก้าวร้าว หยาบคาย และที่หลายครั้ง ท้าทายมารยาท สังคม และกรอบวัฒนธรรม
เมื่อ แจ็ก แปปโฮ (Jaturong “Jack” Papho) อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของไทย จัดคลิปเต้นบนหลังคารถถอดเสื้อที่จุดชมวิวญี่ปุ่น มันจึงไม่ใช่แค่ดราม่า “คนนี้อีกแล้ว” แต่เป็นสัญญาณสะท้อนโครงสร้างใหญ่ ของการผลิตคอนเทนต์ และค่านิยมการเสพสื่อในสังคมไทย !!!
เมื่อคอนเทนต์ “เกรียน” กลายเป็นไวรัล: บทเรียนจาก แจ็ก แปปโฮ และกระจกสังคมไทย
คลิปที่กลายเป็นไฟลามทุ่ง ในโลกออนไลน์ขณะนี้ คือคลิปที่ แจ็กแปปโฮ ปีนขึ้นหลังคารถยนต์ ในจุดชมวิวยอดฮิต ของประเทศญี่ปุ่น คือ หน้าร้าน Lawson จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ เขาถอดเสื้อแล้วเต้นบนหลังคา และมีพฤติกรรมอื่นๆ ชนิดที่หลายคนมองว่า “เกรียน” หรือ “แสดงเพื่อเรียกยอดวิว” มากกว่ามีจุดประสงค์ศิลปะหรือสาระ ?
ในมุมมองวัฒนธรรมญี่ปุ่น การกระทำเช่นนี้ อาจถูกตีความว่าเป็น การรบกวนผู้อื่น หรือ “meiwaku” แนวคิดทางสังคมญี่ปุ่น ให้ความสำคัญมาก กับการไม่เป็นภาระต่อผู้อื่นในพื้นที่สาธารณะ การทำตัวเสียงดัง เปลือยกาย หรือใช้สถานที่สาธารณะเพื่อโชว์ตนเอง ถือว่าขัดกับระเบียบลับลึกทางจิตสำนึกของสังคมญี่ปุ่น
สื่อญี่ปุ่น จึงวิจารณ์พฤติกรรมของเขาอย่างหนัก บ้างเรียกว่า ส่งผลในแง่ลบต่อ “ภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวไทย” บางส่วนของสื่อไทยเอง ก็สะท้อนความกังวลนี้ และวิพากษ์ไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น นักการเมืองไทย บางส่วนยังมองว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ความผิดส่วนบุคคล แต่เป็น “ภาพลักษณ์ชาติ” ที่อาจถูกตีความผิดพลาดในเวทีระหว่างประเทศ
>>> ความจริงใจในจุดนี้น่าชื่นชม หรือแท้จริงแล้ว เขายังเชื่อว่า คลิปดังกล่าว จะสามารถสร้างความสนใจให้เขาเพิ่มมากขึ้น และแน่นอน รวมถึงรายได้ที่มากขึ้นของเขาอีกด้วย ..... <<<<
แต่คำขอโทษเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ
หากสังคมไทยไม่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า .....
“ทำไมคอนเทนต์ ขยะ แบบนี้ กลายเป็นที่นิยม ? ”
“ทำไมคอนเทนต์ ขยะ แบบนี้ กลายเป็นที่นิยม ? ”
ในโลกดิจิทัล ปรากฏการณ์อินฟลูเอนเซอร์ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของบุคคล แต่มันเป็นของ ธุรกิจ โดยเฉพาะ อินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างคอนเทนต์แรง ๆ มักมีโมเดลธุรกิจชัดเจน !!??
คลิปที่ “ล้ำเส้น”ของความเหมาะสม ...จะดึงความสนใจได้เร็ว ....
พฤติกรรมที่ไม่ธรรมดา ดุเดือด และหยาบคาย มักพาผู้ชมมาดูมากกว่า ....
ปฏิกิริยาลบ (ดราม่า) กลายเป็น “เชื้อไวรัล” อีกด้าน คนด่าคลิป แชร์คลิป ผู้อื่นสนใจดู เพราะอยากเห็นสิ่งที่ถกเถียง — ยิ่งดราม่า เท่าไหร่ ก็ยิ่งขยายวงกว้างในการมองเห็นมากขึ้นเท่านั้น ( นี่คือ เหตุผลหนึ่งของการออกมาขอโทษ แต่ไม่เลือกที่ลบคลิปดังกล่าว นั่นคือ ผลประโยชน์ที่มหาศาลนั่นเอง )
ยอดวิว = รายได้
ความนิยม แปลเป็นเงินในโฆษณา หรือสปอนเซอร์ .... ได้ ....มหาศาล ....
วงจรเสพ-สร้าง-เรียกดราม่าในกรณีของแจ็ก แปปโฮ ข้อมูลชี้ว่า เขายังคงอัปคลิปอย่างสม่ำเสมอ (ความถี่สูง) และมีอัตรการมีส่วนร่วม (engagement) แม้ไม่ “สูงมาก” แต่ก็เพียงพอ ที่จะรักษารายได้และอิทธิพลของเขาต่อผู้ชมจำนวนมหาศาล
อินฟลูเอนเซอร์ อาจ “จงใจ” สร้างพฤติกรรม เพื่อดึงกระแส เพราะยอดวิว นี่คือหัวใจธุรกิจ ....
ยอดผู้ติดตามของเขา (ประมาณ 8–9 ล้านคน) เป็นตัวเลขที่บอกเรามากกว่าแค่ “เขาดัง” แต่.... มันสะท้อนบางส่วนของรสนิยมสื่อในสังคมไทย ???
กลุ่มผู้ชมจำนวนมากที่เห็นนี้ ที่พร้อมเสพคอนเทนต์ที่แรงหยาบคาย และแตกต่าง และไม่ใช่แค่เพราะตลก แต่อาจ เป็นความบันเทิงเผ็ดร้อนในโลกโซเชียล .... เนื่องจาก ความสะดวกของการเสพ คลิปสั้น ๆ ตลก ๆ, พฤติกรรมสุดโต่ง, มุกที่ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องใช้ "สมอง" เหมาะกับการเสพแบบ “สบาย ๆ” (สไตล์ คนไทย)
หลายคนเสพ โดยไม่ตั้งคำถามว่า “สิ่งนี้ดีไหม” หรือ “สิ่งนี้ส่งผลอย่างไร” สิ่งที่ควรเป็นส่วนหนึ่งของการเสพสื่ออย่างมีวิจารณญาณ .... แน่นอน คนไทยยังขาด “ตัวกรองคุณภาพ” ที่ชัดเจน ขาดในเรื่องจริยธรรมของคอนเทนต์ และตระหนัก ถึง “ความรับผิดชอบของอินฟลูเอนเซอร์” มากพอ ทั้งในเรื่องตัวแทนภาพลักษณ์ชาติ และผลกระทบต่อ “เยาวชน” .....
นี่อาจไม่ใช่เรื่องแย่ทั้งหมด ก็ได้นะครับ กับความบันเทิงแบบเกรียนๆ มีที่ในโลกโซเชียล แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องถามตัวเอง ว่า .....
“เรากดไลก์คอนเทนต์แบบนี้ เพราะเราเสพเพื่อความสนุก หรือเพราะเรา "ไม่เห็นทางเลือกอื่น" ที่ ‘คอนเทนต์คุณภาพ’ จะเติบโตได้เหมือนกัน?” ....
เราไม่เห็น หรือเราไม่ชอบ.... เราต้องตัดสินตัวเอง เฉพาะบุคคล ....
“เรากดไลก์คอนเทนต์แบบนี้ เพราะเราเสพเพื่อความสนุก หรือเพราะเรา "ไม่เห็นทางเลือกอื่น" ที่ ‘คอนเทนต์คุณภาพ’ จะเติบโตได้เหมือนกัน?” ....
เราไม่เห็น หรือเราไม่ชอบ.... เราต้องตัดสินตัวเอง เฉพาะบุคคล ....
ภาพลักษณ์ของชาติ ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่วขณะ
.... ที่ตัดสินกันแค่ วันนี้ เดือนนี้ หรือปีนี้ ....
เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ไทย แสดงพฤติกรรมที่ถูกมองว่า “ไร้มารยาท” ในต่างประเทศ มันไม่ใช่แค่เรื่องความผิดส่วนตัว แต่มันกลายเป็น “ตัวแทนภาพลักษณ์ของชาติ”ในสายตาชาวโลก !!! นักท่องเที่ยว หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่โด่งดัง ทำให้คนต่างชาติเห็น “คนนั้น” เป็นตัวแทนของชาติ การกระทำอย่างเกรียนหรือไม่เคารพวัฒนธรรม มันจึงกลายเป็น “ภาพจำ” และภาพจำเหล่านั้นอาจฝังลึกและแพร่หลายได้ง่ายกว่าที่เราคิด .....
หากเรายังยิยม และส่งเสริม กระแส ประเภทนี้ต่อเนื่อง ...
เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ไทย แสดงพฤติกรรมที่ถูกมองว่า “ไร้มารยาท” ในต่างประเทศ มันไม่ใช่แค่เรื่องความผิดส่วนตัว แต่มันกลายเป็น “ตัวแทนภาพลักษณ์ของชาติ”ในสายตาชาวโลก !!! นักท่องเที่ยว หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่โด่งดัง ทำให้คนต่างชาติเห็น “คนนั้น” เป็นตัวแทนของชาติ การกระทำอย่างเกรียนหรือไม่เคารพวัฒนธรรม มันจึงกลายเป็น “ภาพจำ” และภาพจำเหล่านั้นอาจฝังลึกและแพร่หลายได้ง่ายกว่าที่เราคิด .....
หากเรายังยิยม และส่งเสริม กระแส ประเภทนี้ต่อเนื่อง ...
ด้วยการเสพและให้แรงจูงใจ คอนเท้นขยะ —มันก็เหมือนเราบอกโลกว่า
“นี่แหละ สไตล์ของคนไทย”
“นี่แหละคอนเทนต์ที่เรา (คนไทย) ชอบ”
นี่คือภาพลักษณ์ที่เราควรภาคภูมิใจ หรือไม่ ???
--- คนไทยมีประชากร 65 ล้านคน การที่มีคนไทย ติดตามเขา ประมาณ 8–9 ล้านคน นั่นคือ 12-13% ของประชากรคนไทยทั้งหมด มันน่าตกใจมากจริงๆ ที่คนไทยจำนวนมากมาย ชื่นชอบ คอนเทนต์ขยะ แบบนี้ จริงๆเหรอ !!! นี่มันสะท้อนอะไรที่น่ากังวลหรือไม่ ? ---
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ... ที่คนไทย ควรมี การเสพอย่างมีสติ”
และ มี “อินฟลูเอนเซอร์ที่รับผิดชอบ” มากกว่านี้ ....
เสพอย่างรู้เท่าทัน — เพื่อสังคมไทยที่เข้มแข็งขึ้น
ดราม่าของ แจ็ก แปปโฮ คือ บทเรียน ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่มันคือ ภาพสะท้อน ของระบบ ที่ให้อำนาจและคุณค่า มากเกินความจำเป็น แก่ “ความเกรียน หยาบคาย” และ “คอนเท้นขยะ” ... เราให้รางวัล และความสนใจแก่ “พฤติกรรมที่ยั่วยุ” มากกว่าคุณค่าที่ยั่งยืน ....
“นี่แหละ สไตล์ของคนไทย”
“นี่แหละคอนเทนต์ที่เรา (คนไทย) ชอบ”
นี่คือภาพลักษณ์ที่เราควรภาคภูมิใจ หรือไม่ ???
--- คนไทยมีประชากร 65 ล้านคน การที่มีคนไทย ติดตามเขา ประมาณ 8–9 ล้านคน นั่นคือ 12-13% ของประชากรคนไทยทั้งหมด มันน่าตกใจมากจริงๆ ที่คนไทยจำนวนมากมาย ชื่นชอบ คอนเทนต์ขยะ แบบนี้ จริงๆเหรอ !!! นี่มันสะท้อนอะไรที่น่ากังวลหรือไม่ ? ---
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ... ที่คนไทย ควรมี การเสพอย่างมีสติ”
และ มี “อินฟลูเอนเซอร์ที่รับผิดชอบ” มากกว่านี้ ....
- ผู้เสพ คุณควรเลือกเสพอย่างมีสติ .... ไม่ใช่ทุกคลิปดูแล้วดี หรือดูแล้วไม่มีผล คุณควรถามตัวเองว่า “สิ่งนี้กระตุ้นอะไรในเรา?” ..... สนับสนุนคอนเทนต์ ที่ให้คุณค่าแท้จริง (สาระ ความคิด สร้างสรรค์) ..... เขาจะได้มีกำลังใจ สร้างสรรค์สิ่งดีให้เราชม และแน่นอน ลูกหลานของเราด้วย ....
- อินฟลูเอนเซอร์ ต้องตระหนักถึงอิทธิพล และมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่หวังแค่ยอดวิว .... เมื่อเรามีผู้ติดตามมาก เราต้องรู้ว่า ทุกการกระทำสะท้อนถึงตัวเราและสังคม .... เราต้องรับผิดชอบต่อวัฒนธรรม ความเป็นตัวแทนชาติ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่างประเทศ ..... ไม่ควรใช้ “ดราม่า” เป็นเครื่องมือหาเงินเพียงอย่างเดียว
- แพลตฟอร์ม คือบทบาทสำคัญในการกำกับทิศทาง .... ควรมีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องคอนเทนต์ “ล้ำเส้น” ส่งเสริมครีเอเตอร์ ที่ผลิตเนื้อหาคุณภาพ อาจให้รางวัลหรือประโยชน์บางอย่าง ให้การศึกษาเรื่องการเสพสื่อแก่ผู้ใช้ สอนให้รู้จัก “ดูเป็น” รู้เท่าทันคอนเทนต์ ....
- สังคมไทยโดยรวม เช่น สื่อ (ออนไลน์ /ออฟไลน์) ควรทำบทวิเคราะห์ ดึงบทเรียนจากดราม่า → ไม่ปล่อยให้เป็นแค่ข่าวไวรัล
- โรงเรียน /มหาวิทยาลัยควรสอนให้เด็กรู้เท่าทันสื่อ (media literacy) เพื่อให้เขาเลือกเสพ เลือกสร้างในแบบที่สร้างสรรค์ ประชาชนทั่วไปควรร่วมตั้งคำถาม: “คอนเทนต์แบบไหนที่เราควรส่งเสริม เพื่ออนาคตสื่อไทยที่ดีกว่า?”
เสพอย่างรู้เท่าทัน — เพื่อสังคมไทยที่เข้มแข็งขึ้น
ดราม่าของ แจ็ก แปปโฮ คือ บทเรียน ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่มันคือ ภาพสะท้อน ของระบบ ที่ให้อำนาจและคุณค่า มากเกินความจำเป็น แก่ “ความเกรียน หยาบคาย” และ “คอนเท้นขยะ” ... เราให้รางวัล และความสนใจแก่ “พฤติกรรมที่ยั่วยุ” มากกว่าคุณค่าที่ยั่งยืน ....
หากเราในฐานะผู้ชม เพียงปล่อยให้มันเป็นไป — เสียงของ “คอนเทนต์คุณภาพ” อาจถูกกลืนหายไป
แต่ถ้าเราตื่นตัว — ถามตัวเองว่า:
“ฉันดูเพื่ออะไร แล้วฉันสนับสนุนอะไร?”
เราอาจเปลี่ยนทิศทางของสื่อไทยได้
ทางเว็บเรา ขอไม่ลงคลิปนะครับ เราอาย และรู้สึกสมเพช ครับ .....




.jpg)
