เขาอาจผิดศีลข้อแรก ด้วยการเขียนคอมเม้นท์ยุยงปลุกปั่นให้คนๆ หนึ่งเกลียดชังคนอีกคนหนึ่ง หรือเขากำลังแชร์ข่าวปลอม ด้วยความตั้งใจที่ทำให้คนอื่นเจ็บตัว บางคนเครียดจนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง """
เขาอาจผิดศีลข้อสอง ด้วยก๊อปปี้ข้อความของคนอื่นไปใส่ชื่อของเขาเอง หรืออาจจะขโมยเอาชื่อของคนอื่นไปทำมาหากิน และที่บ่อยที่สุดอย่างไม่รู้ตัว บางทีเขาอาจผิดศีลข้อสี่ ด้วยการคอมเมนต์คำที่แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากกลับมาอ่านซ้ำ ....
คนบางคนบอกว่า เกิดมาไม่เคยเห็นไฟนรก มันจะร้อนแค่ไหนกันเชียว ??
แต่เขาลืมไปว่า ทุกครั้งที่ตัวเขาเองเปิดดูมือถือแล้ว “ใจไหม้” เพราะตัวเองดูเรื่องราวในสังคมออนไลน์ไปด้วย ความอิจฉา และความโกรธ นั่นแหละคือ "นรก"
นรก .... ไม่ได้อยู่ใต้โลก แต่มันอยู่ในจิตที่ขาดสติ ระหว่างเลื่อนจอ อย่างไร้ความรู้สึกตัวนั่นเอง ...
“ถ้าอย่างนั้น เราไม่ควรใช้มือถือสิ เพราะมันยั่วยุเราตลอดนี่ครับหลวงพ่อ” ?? เด็กหนุ่มถามต่อ ....
หลวงพ่อจึงตอบ “มีมือถือนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแต่อย่างไร แต่ถ้าเปิดดูชีวิตคนอื่นทุกวัน แล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า นั่นมันก็คือ ขุมนรกแห่งอัตตา ที่กำลังดูดใจเราไปทีละนิด” ...
ชายหนุ่มถามต่ออีก ....
“ผมยอมรับว่า ผมเครียดครับ หลวงพ่อ ผมเหมือนแพ้คนอื่นไปหมด”
หลวงพ่อยิ้มอ่อนโยน พร้อมกับถามกลับเบาๆ ว่า
“ตอนตื่นเช้า โยมเปิดมือถือก่อนหรือออกไปมองท้องฟ้าก่อน ? โยมแอบอิจฉาคนอื่นในออนไลน์ก่อน หรือไปกราบพระก่อน”
“ตอนตื่นเช้า โยมเปิดมือถือก่อนหรือออกไปมองท้องฟ้าก่อน ? โยมแอบอิจฉาคนอื่นในออนไลน์ก่อน หรือไปกราบพระก่อน”
ชายหนุ่มเงียบไป เหมือนจะมีน้ำตาซึมออกมา .....
ทุกวันนี้ โลกยอมรับกันแล้วว่า มนุษย์เรามีมือถือติดตัวตลอดเวลา จนเป็นปัจจัยที่ห้า แต่สิ่งหนึ่ง ที่ชาวพุทธต้องรู้ด้วยว่า ใจเราต้องไม่ติดกับในปัจจัยนี้ เราต้องไม่ตกลงไปในหลุมที่เราขุดเองด้วยนิ้วเล็กๆ ....
.... มองให้ดี เราจะพบว่า มือถือมันก็เป็นแค่ไฟฉาย ที่คอยส่องสรรพสิ่งให้เราเห็น และที่มันเก่ง คือมันทำให้เห็นได้เร็วขึ้น เห็นได้กว้างขึ้น ดังนั้น เราจะส่องธรรมก็ได้ หรือเราจะส่องกิเลสก็ได้ ...
“วันไหนใจร้อน ให้ปิดมือถือ แล้วเปิดพัดลมแทน”
.... วันนี้ หลวงพ่อตอบง่ายๆ เหลือเกิน มันง่ายจนทำให้เด็กหนุ่มเผลอยิ้มออกมา ....
“และถ้าวันไหน อยากรู้ว่าตัวเองยังเป็นคนแบบไหน ให้ดูสิ่งสุดท้าย ที่เรากดดูก่อนเข้านอน นั่นแหละ คือกระจกแห่งธรรมะในมือถือ .... การรู้ตัวเองตลอดเวลา คือ ธรรมะข้อสำคัญนะโยม” ....
“และถ้าวันไหน อยากรู้ว่าตัวเองยังเป็นคนแบบไหน ให้ดูสิ่งสุดท้าย ที่เรากดดูก่อนเข้านอน นั่นแหละ คือกระจกแห่งธรรมะในมือถือ .... การรู้ตัวเองตลอดเวลา คือ ธรรมะข้อสำคัญนะโยม” ....
หลวงพ่อทันสมัยเสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน ท่านใช้มือถือมาเป็นวิหารธรรมในการเทศน์ ....
“มือถือไม่เคยเป็นนรก แต่มือเราที่ลืมศีลธรรมต่างหาก ที่อาจกดเปิดประตูนรกด้วยปลายนิ้ว และในทางกลับกัน ถ้าเราพร้อม ที่จะกดคำว่า "เมตตา" หรือ เมื่อพร้อมจะแชร์คำว่า "กรุณา" ด้วยใจอันเป็นกลาง มือถือ ก็จะกลายเป็นวัดในทันที“
“มือถือไม่เคยเป็นนรก แต่มือเราที่ลืมศีลธรรมต่างหาก ที่อาจกดเปิดประตูนรกด้วยปลายนิ้ว และในทางกลับกัน ถ้าเราพร้อม ที่จะกดคำว่า "เมตตา" หรือ เมื่อพร้อมจะแชร์คำว่า "กรุณา" ด้วยใจอันเป็นกลาง มือถือ ก็จะกลายเป็นวัดในทันที“
หลวงพ่อส่งท้าย
“และเมื่อนั้น ปลายนิ้วของโยมก็ไม่ผิดอะไรกับมัคทายก ที่พาเราไปเข้าวัดที่สงบเงียบ ร่มรื่นกับชีวิตได้ทุกวัน”
…
บทความโดย : Prapas Cholsaranon
Tweet