นิทานเสี่ยอู๊ด
.... เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง
เมื่อหม่นหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา ...

1 “อู๊ด สิทธิกร” เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2514 ในครอบครัวยากจน ที่จังหวัดระยอง ทำให้เขาได้เรียนเพียงชั้น ม.3 จากนั้นมีคนชักชวนไปค้าขายที่หาดใหญ่ ....
2 ระหว่างนั้น อู๊ดถูกชักชวนเข้าสู่วงการนักเลงพระเครื่อง 8 ปีต่อมาเขาสร้างเนื้อสร้างตัว จนได้เป็นประธานบริษัทฯ ในวัยเพียง 30 ต้น ๆ กลายเป็น “เสี่ยอู๊ด” ผู้กว้างขวาง และโด่งดังแห่งวงการพระเครื่อง ...

3 ในยุคนั้น เป็นยุครุ่งเรือง ของการสร้างพระเครื่องขาย มีการโหมโฆษณาตามสื่อต่างๆ ทั้งทางทีวี หนังสือพิมพ์ , นิตยสารพระ และป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์ ....
4 มีการขออนุญาตใช้สถานที่ดังๆ ทางประวัติศาสตร์ เพื่อทำพิธีปลุกเสกพระเครื่อง แล้วนิมนต์เกจิอาจารย์ดังเข้าร่วมพิธี โดยถวายปัจจัยกันหลักหมื่นหลักแสน ....
5 พระเครื่องบางรุ่น ถึงกับตีข่าวว่าปิดโบสถ์ 3 วัน 3 คืนปลุกเสก มวลสารก็ต้องมีสตอรี่ หรือรวบรวมมาจากทุกภาคของไทย เพื่อให้คนฮือฮา ยอดบูชาจะได้ทะเลุเป้า !!!
6 การตั้งชื่อรุ่นของพระเครื่อง ก็ต้องให้สอดคล้องกับ "กิเลส" และความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย เช่น หลวงปู่รุ่นปลดหนี้ หลวงพี่รุ่นรวยเร็ว เพื่อกระตุ้นให้คนอยากครอบครอง เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ...
7 ทั้งหมดนี้ ทำให้การสร้างพระเครื่อง กลายเป็นพุทธพาณิชย์ ที่ทำเงินให้วัดมหาศาล มีเงินหมุนเวียนในระบบเป็นพันล้าน ส่วนจะมีเงินตกใส่ย่ามพระ หรือกระเป๋าฆราวาสบ้างหรือไม่ คงต้องเดากันเอง ..?!?!

8 เสี่ยอู๊ดกลายเป็นเบอร์ 1 แห่งวงการปั๊มพระเครื่อง และเป็นลูกศิษย์คนสนิท ของหลวงพ่อ A เจ้าอาวาสวัดดัง เสี่ยอู๊ด สามารถทำเงินเข้าวัดได้หลายร้อยล้านบาท
9 เสี่ยอู๊ด ใช้วิธีการนี้ ระดมทุนหาเงินให้องค์กรต่างๆ มากมาย อาทิ สร้างทั้งวัด ,โรงเรียน , โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยสงฆ์ ฯลฯ อาคารบางแห่ง ถึงกับตั้งชื่อว่า ‘สิทธิกร’ ไม่รวมการให้ทุนเด็กจำนวนมาก จนสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ส่งเรื่องขอพระราชทานเครื่องราชฯ ให้เสี่ยอู๊ด ...
10 ในขณะเดียวกัน เสี่ยอู๊ด ก็มีความเป็นอยู่หรูหรามาก เขามีคอนโดราคาหลายสิบล้านใจกลางกรุงเทพฯ และกลายเป็นพ่อบุญทุ่มของ ดารานักร้องหนุ่มๆ ในวงการบันเทิงยุคปลาย 90 - ยุคต้น 2000 ทั้งพาเที่ยวต่างประเทศ ซื้อรถให้ และเปย์เป็นเงินสด ...

11 ปลายปี พ.ศ. 2550 เสี่ยอู๊ด ได้สร้างพระเครื่องชื่อ “พระสมเด็จเหนือหัว” ด้านหลังเป็นตราพระมงกุฎ .. โดยอ้างว่า สร้างจากมวลสารดอกไม้พระราชทานฯ รายได้สมทบทุนมูลนิธิ ที่หลวงพ่อ A เป็นประธาน
12 เปิดขายได้ไม่กี่วัน เสี่ยอู๊ดก็ถูกจับ เพราะสำนักพระราชวังฯ แจ้งความว่า เป็นการแอบอ้าง ตราพระมงกุฎก็ไม่ได้ขออนุญาตใช้ ...
13 หลวงพ่อ A กับคณะกรรมการมูลนิธิฯ ให้การว่า "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง" อู๊ดจึงโดนคดีคนเดียว ศาลพิพากษาจำคุกเขา 5 ปี ฐานฉ้อโกงประชาชน, ฐานใช้ และเลียนแบบเครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต
14 ก่อนเดินเข้าคุก เสี่ยอู๊ด เขียนจดหมายตัดพ้อหลวงพ่อ A ว่า ตนยึดมั่นตามคำสอนของท่านและพยายามปกป้องท่าน แต่ผลลัพธ์คือติดคุกอยู่คนเดียว ?!!?

15 ระหว่างอยู่ในคุก เสี่ยอู๊ดพยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่สำเร็จ เมื่อพ้นโทษออกมา ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 เขากลายเป็นคนไม่เชื่อเรื่องบาปบุญอีกต่อไป และยังคิดจะฆ่าตัวตาย ...
16 หลังพ้นโทษ เสี่ยอู๊ดให้สัมภาษณ์ในรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” ตอนหนึ่งเขาพูดว่า…
"นรก สวรรค์ บุญ บาป ผมไม่เชื่อว่ามีจริง มันเป็นเรื่องที่อุปโลกน์ขึ้น บาปเป็นยังไงอะ ? ผมทำบุญมหาศาล ผลยังเป็นอย่างนี้"
17 เสี่ยอู๊ดบอกว่า เขายังคิดจะฆ่าตัวตายอยู่ ... "ในเมื่อผมตายในคุกไม่ได้ ถ้ามีโอกาสผมก็จะมาตายนอกคุก คนที่รักผมคือพ่อกับแม่ก็ตายไปหมดแล้ว ตอนนี้คนที่จะเสียใจถ้าผมตายไม่มีแล้ว"
18 เสี่ยอู๊ดยังพูดถึงหลวงพ่อ A ว่า “ผมไม่ได้น้อยใจศาล ผมน้อยใจผู้ที่ผมเคารพรัก ผมทำเพื่อท่านมาเยอะ ตอนนั้นคิดว่าถ้ามีปัญหาท่านก็คงช่วยรับผิดชอบ แต่สุดท้ายผมกลายเป็นหนุมานแบกกรุงลงกาอยู่คนเดียว”
19 หลังพ้นโทษ เสี่ยอู๊ดตระเวนเยี่ยมสถานที่สาธารณประโยชน์ต่างๆ ที่เขาเคยช่วยมอบเงินสร้าง พบว่าหลายแห่งปลดป้ายชื่อของเขาในฐานะผู้บริจาคออก ....
จดหมายลาตาย
20 วันที่ 30 ตุลาคม 2558 พบศพเสี่ยอู๊ดในวัย 44 ปี มีเงินติดตัวเพียง 200 บาท นอนเสียชีวิต อยู่ในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งที่พิษณุโลก เขาฆ่าตัวตาย ด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด หลังพ้นโทษออกมาเพียง 4 เดือน
19 หลังพ้นโทษ เสี่ยอู๊ดตระเวนเยี่ยมสถานที่สาธารณประโยชน์ต่างๆ ที่เขาเคยช่วยมอบเงินสร้าง พบว่าหลายแห่งปลดป้ายชื่อของเขาในฐานะผู้บริจาคออก ....

20 วันที่ 30 ตุลาคม 2558 พบศพเสี่ยอู๊ดในวัย 44 ปี มีเงินติดตัวเพียง 200 บาท นอนเสียชีวิต อยู่ในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งที่พิษณุโลก เขาฆ่าตัวตาย ด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด หลังพ้นโทษออกมาเพียง 4 เดือน
21 เขาทิ้งจดหมายลาตายไว้หลายฉบับ หนึ่งในนั้น คือ เล่าเรื่องราวการสร้างพระสมเด็จเหนือหัวไว้อย่างละเอียด ใจความว่า…
⚪ หลวงพ่อ A ต้องการสร้างอุโบสถที่วัดในจังหวัดบ้านเกิด จึงมาขอให้อู๊ดช่วยสร้าง "พระเครื่องสมเด็จเหนือหัว" โดยให้ทำในนามมูลนิธิที่หลวงพ่อเป็นประธาน ....
⚪ หลวงพ่อ A เคยได้รับดอกไม้พระราชทานจากงานฉลองสิริราชสมบัติเมื่อปี 2549 จึงคิดเอาดอกไม้นั้นมาทำมวลสาร
⚪ หลวงพ่อ A มีส่วนร่วมทุกอย่าง ตั้งแต่ลงนามแต่งตั้งอู๊ดเป็นผู้สร้างพระ, ทำหนังสือขอใช้วัดดังเป็นสถานที่ปลุกเสก, เป็นประธานในพิธีปลุกเสกด้วยตัวเอง รวมทั้งเปิดบัญชีรับเงินจากการขายพระ 4 บัญชี
⚪ ต่อมา มีผู้ทักท้วงว่า การสร้างพระสมเด็จเหนือหัว นี้ ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน แต่หลวงพ่อA ยังสั่งเดินหน้า โดยบอกอู๊ดว่า “ทำไปก่อน มีอะไรค่อยว่ากัน”
⚪ รองราชเลขาธิการฯ ถึงกับเดินทางมาหาหลวงพ่อA ที่วัด เพื่อคุยเรื่องนี้ แต่คลาดกัน อู๊ดขอให้หลวงพ่อโทรกลับไป ขอคำปรึกษาจากรองราชเลขาธิการ แต่หลวงพ่อไม่ยอมโทร ...
⚪ ต่อมา มีผู้ทักท้วงว่า การสร้างพระสมเด็จเหนือหัว นี้ ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน แต่หลวงพ่อA ยังสั่งเดินหน้า โดยบอกอู๊ดว่า “ทำไปก่อน มีอะไรค่อยว่ากัน”
⚪ รองราชเลขาธิการฯ ถึงกับเดินทางมาหาหลวงพ่อA ที่วัด เพื่อคุยเรื่องนี้ แต่คลาดกัน อู๊ดขอให้หลวงพ่อโทรกลับไป ขอคำปรึกษาจากรองราชเลขาธิการ แต่หลวงพ่อไม่ยอมโทร ...
⚪ เริ่มมีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ แต่หลวงพ่อ กลับรับนิมนต์บินไปจีน พอทางสำนักพระรางวัง ออกหนังสือว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างพระ หลวงพ่อก็โทรด่วนจากจีน สั่งให้คนปลดป้ายขายพระ ที่หน้ามูลนิธิออก
⚪ พอกลับจากจีน หลวงพ่อA ต่อสายให้อู๊ดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ และเป็นคนบ้านเดียวกับอู๊ด เขาพูดว่า “อู๊ดก็รักหลวงพ่อใช่ไหม ดังนั้นอู๊ดรับแทนหลวงพ่อไปก่อนนะ”
⚪ อู๊ดถูกจับ มีหลายสายโทรหา ด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่มีสายจากหลวงพ่อA แม้แต่สายเดียว ?!?
⚪ อู๊ดไม่ซัดทอดใคร และไม่ยอมแสดงหลักฐาน ที่หลวงพ่อลงนาม เพื่อกันหลวงพ่อ ออกจากคดี ทำให้เขาถูกฟ้อง และติดคุกคนเดียว ...
⚪ ต่อมา อู๊ดได้เห็นเอกสารที่หลวงพ่อA ให้การกับ DSI ว่า “ไม่รู้เห็นเรื่องการสร้างพระและการแอบอ้างดอกไม้พระราชทาน นายสิทธิกรทำให้มูลนิธิเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ไม่ขอติดใจเอาความ”
⚪ เสี่ยอู๊ด อ้างว่า เรื่องนี้เป็นคดีขึ้นมาเพราะพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ริษยาหลวงพ่อ A เพราะอยากขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะก่อนหลวงพ่อ A จึงเอาข้อมูลที่เสียหายไปแจ้งบุคคลระดับสูง หวังสกัดดาวรุ่งหลวงพ่อ
⚪ ส่วนหลวงพ่อ A ก็อยากขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะเต็มที กลัวว่าหากมีคดีความ เป็นมลทินจะไม่ได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ จึงโยนความผิดให้เสี่ยอู๊ดคนเดียว ....
⚪ ในขณะที่ อู๊ดติดคุก หลวงพ่อ A ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะสมใจ แม้จะมีเสียงคัดค้านบ้างก็ตาม โดยตลอดระยะเวลาที่ติดคุก เสี่ยอู๊ดไม่เคยได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อจากหลวงพ่อเลย (ปัจจุบันหลวงพ่อมรณภาพแล้ว)
⚪ ระหว่างที่เสี่ยอู๊ดถูกดำเนินคดี เขาถูกกลุ้มรุม จากข้าราชการของกระบวนการยุติธรรมไทย เพราะหวังได้เงินจากเขา เช่น อ้างว่าจะช่วยปลดอายัดเงินให้ แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินการ 13 ล้านบาท

22 นอกจากนี้ ยังมีจดหมายอีกฉบับของเสี่ยอู๊ด เล่าว่า เขาเคยบริจาคเงินให้ทั้งบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมกว่า 3,000 ล้านบาท ตอนนั้นทุกคนเทิดทูนเขา แต่พอให้ประโยชน์แก่ใครไม่ได้แล้วก็ถูกหมางเมิน เช่น
⚪ มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง - ตนอุปถัมภ์มานาน 8 ปี มอบเงินให้จำนวน 186 ล้าน ตอนนั้นเขายกย่องตนเป็นประธาน แต่พอพ้นโทษตนแวะไปเยี่ยมกลับไม่ต้อนรับ ...
⚪ วัดและโรงเรียนที่บ้านเกิด - เคยบริจาคเงินให้หลายสิบล้าน ทางวัดยกย่องสรรเสริญตนเหมือนเทวดา เวลากลับถึงกับส่งคนไปปิดประตูรถให้ แต่พอติดคุก เจ้าอาวาสก็รังเกียจ ไม่ยอมไปเบิกความช่วยตนที่ศาลอาญา แล้วยังถอดป้ายชื่อตนออกจากอาคารเรียน ....
⚪ วัดแห่งหนึ่งในสมุทรปราการ - ตนหาเงินให้สร้างอาคารเรียน สร้างศาลา และบูรณะอุโบสถ รวมทั้งขอพัดยศให้เจ้าอาวาส ทางวัดเอาใจตนทุกอย่าง แต่พอติดคุก อาคารเรียนที่สร้างเสร็จจารึกชื่อผู้เกี่ยวข้องมากมาย ยกเว้นชื่อตน เมื่อพ้นโทษ ตนไปไหว้พระที่วัดหลายครั้ง แต่เจ้าอาวาสไม่ยอมให้พบ ...
⚪ นักร้องชายชื่อดัง - ตนเคยช่วยเหลือหลายอย่าง ทั้งให้เงินนับ 10 ล้าน ทั้งไถ่ถอนบ้านให้ เมื่อก่อนตนเมื่อยตัว แม่นักร้องก็มาคอยบีบนวด พี่ชายมาขับรถให้ แต่พอตนติดคุกไม่เคยไปเยี่ยม และยังกล่าวหาว่าตนแอบอ้างว่ารู้จักเขา
⚪ นักเรียนทุนในอุปการะ 57 คน - ขนาดตนติดคุกแล้ว ยังสั่งให้มอบทุนต่อ แต่พอตนพ้นโทษ ทุกคนก็หายไปจากชีวิต แม้แต่นิสิตแพทย์จุฬาฯ และนักเรียนนายร้อย จปร. ที่เคยเขียนจดหมายพรรณาว่า อยากเจอตน แต่ตอนนี้ไม่ยอมพบหน้า ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่รับปริญญาแล้ว จะใส่ครุยมาขอถ่ายรูปกับตน ไม่มีใครกล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนและในโซเชียลฯ ว่าเรียนจบด้วยทุนของตน ...
23 เสี่ยอู๊ด เคยเล่าในรายการวู้ดดี้ว่า มีเพียง รพ.มะเร็งลพบุรี ที่ไม่ทอดทิ้งเขา เขาเคยหาเงินให้สร้างอาคารปฏิบัติการ และซื้อเครื่องสแกน MRI ...ระหว่างติดคุกโรงพยาบาลยังเป็นห่วงเป็นใยสุขภาพของเขา และตั้งชื่อห้องประชุมตามชื่อเขาด้วย ...
24 เสี่ยอู๊ดเสียชีวิตไปเกือบ 10 ปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจดหมายลาตายของเขาจริงเท็จแค่ไหน แต่เรื่องราวของเสี่ยอู๊ดยังคงเป็นที่เล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน ...
โดย : fb / Poetry of Bitch

อ่านนิทานเสี่ยอู๊ดแล้วทำให้ได้แง่คิดอย่างหนึ่งว่า
- ในวันที่เรามี ทุกคนล้วนใจดีกับเราไปหมด แต่ในวันที่เราหมด ทุกคนอาจใจร้ายกับเรา มีทรัพย์คนนับหน้า ตกอับมาคนเดินหนี มันคือสัจธรรมค่ะ
- เงินซื้อสังคมและความนับถือปลอมๆ ได้ แต่เงินซื้อความจริงใจถาวรจากใครไม่ได้เลย ดังนั้นอย่าทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเพื่อใครเด็ดขาด เพราะในวันที่มีภัย คนที่เห็นแต่ได้จะหนีเอาตัวรอดก่อนเสมอ
- ชีวิตมีขึ้นมีลงตามหลักของโลกธรรม ดั้งนั้นถึงตอนเวลาขึ้นก็อย่าได้หลุ่มหลงในคำคนจนหมด และเมื่อวันที่ชื่อเสียงถูกลด ก็อย่าได้เรียกร้องความเห็นใจจากใครทั้งนั้น (เพราะมันไม่มี)
ข้อมูลข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปปง.อายัดเงินสมเด็จวัดสุทัศน์ฯแต่...ไม่ได้อายัด'เสี่ยอู๊ด'!
: เรื่องไตรเทพ ไกรงู ภาพ กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร
https://www.komchadluek.net/amulet/169243
- 15 ภาพ ดูรูปเก่า! ฟิล์ม เสี่ยอู๊ด เมื่อครั้งยังเคียงข้าง https://www.sanook.com/news/971682/gallery/
ขุดยับวีรกรรม'ฟิล์ม รัฐภูมิ'เคยทำกับ'เสี่ยอู๊ด สิทธิกร'
ให้ทุกอย่าง แต่ไม่เคยสำนึกบุญคุณ?