โดยคน Gen Z มองอิโมจิหน้ายิ้มว่า 🙂 "ไม่ใช่เรื่องที่ดี" แต่เป็นในความหมายเชิงประชดประชัน เช่นเดียวกับ ‘อิโมจินิ้วโป้ง’ 👍 ที่คนยุคก่อนอาจใช้เพื่อแสดงการยอมรับ หรือ ‘ทำได้ดีมาก’ แต่กับ Gen Z กลับไม่ได้มองอย่างนั้น ??!!
ความหมายของอิโมจิหน้ายิ้มไม่ใช่เรื่องใหม่นัก เพราะประเด็นนี้ถูกนำมาเสนอโดยสื่ออยู่บ่อยครั้ง อย่างในปี 2021 หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมกับสัมภาษณ์คน Gen Z อีกด้วย
เฮลีย์ ฟรานซิสโก (Hailey Francisco) วัยรุ่นอายุ 18 ปี ในขณะนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่า เธอและทีมเชียร์ลีดเดอร์ มักได้รับอิโมจิหน้ายิ้ม ที่ดูขนลุกจากโค้ชของพวกเธออยู่เสมอ จนกระทั่งมีคนไปบอกกับโค้ชตรง ๆ ว่า อิโมจินั้นดูเหมือนประชดประชัน ซึ่งทำให้โค้ชของพวกเธอถึงกับตกใจไปเลย
อิโมจิ ถูกเปิดตัวครั้งแรกโดย Apple ในปี 2008 ก่อนจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี 2011 เป็นต้นมา ในขณะที่ฝั่ง Android นำมาใช้ในปี 2013
นอกจากอีโมจิหน้ายิ้ม 🙂 แล้ว ยังมีอีโมจิตัวอื่น ๆ ที่คน Gen Z ตีความหมายในแบบเฉพาะของตัวเอง เช่น อีโมจิกระโหลก 💀 อาจสื่อว่า “ขำตายเลย” อีโมจิไฟลุก 🔥 ใช้แทนคำว่า “เจ๋งมาก” หรือ “สุดยอด” และยังมีการใช้อีโมจิในเชิงจีบกัน อย่าง อีโมจิผี 👻 หรืออีโมจิปิศาจยิ้ม 😈 อีกด้วย
เรียบเรียงโดย : เพจ fb/Ceemeagain
ข้อมูล โดย : PARENTS
การที่คนรุ่นใหม่ Gen Z มองภาพ อิโมจิยิ้ม (🙂 หรือ 😊) ในเชิงลบ หรือใช้ในบริบทที่ไม่เป็นมิตรนั้น มีที่มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น ทางวัฒนธรรมดิจิทัล และพฤติกรรมการสื่อสารออนไลน์ ของคนรุ่นนี้ โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้ :
1. การเปลี่ยนแปลงความหมายของอิโมจิ (Emoji Drift)
⭕ อิโมจิยิ้มแบบเดิม (เช่น 🙂 หรือ 😊) ในยุคแรก ถูกใช้เพื่อแสดงความสุขจริงใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป Gen Z ตีความที่ต่างออกไป และนำมันไปใช้ในบริบทที่ต่างกัน เช่น:
- 🙂 (Smiling Face) มักถูกใช้เพื่อสื่อสาร ความไม่พอใจแบบแฝง หรือ ความเฟค (fake smile)** เช่น เมื่อรู้สึกอึดอัด โกรธ แต่ต้องทำเป็นยิ้มรับ ....
- 😊 (Smiling Face with Smiling Eyes) อาจถูกใช้ในลักษณะ ประชด หรือ ยิ้มเย็น แทนความสุภาพแบบไม่จริงใจ .....
สิ่งนี้คล้ายกับวิธี ที่คนรุ่นก่อนใช้คำว่า "ดีใจด้วยนะ" แบบประชดในรูปแบบของข้อความ
2. วัฒนธรรมการสื่อสารแบบ Passive-Aggressive
⭕ Gen Z ชอบใช้ อารมณ์ขันแบบแห้งๆ (dry humor) และ การประชดเบาๆ (sarcasm) ในโซเชียลมีเดีย ดังนั้น อิโมจิที่ดูจะเป็นทางการ หรือ "โบราณ" อย่าง 🙂 จึงถูกนำมาใช้เพื่อล้อเลียนความไม่ตรงใจ ....
ตัวอย่าง :
- "วันนี้ทำงานหนักมาก 🙂" → ความหมายที่แท้จริง คือ "ฉันเหนื่อยและไม่มีความสุขเลย"
- "ดีใจด้วยนะ 😊" → อาจหมายถึง "ฉันไม่เห็นดีด้วยแต่ไม่อยากพูดตรงๆ"
3. มีการนำอิโมจิแบบอื่น เข้ามาแทนที่
⭕ Gen Z มักใช้อิโมจิที่ดู "เกินจริง" หรือ "เฉพาะทาง" มาใช้แทน เพื่อแสดงอารมณ์จริงใจ เช่น:
- 😂 (Face with Tears of Joy) → หัวเราะจริงจัง
- 🥹 (Face Holding Back Tears) → อารมณ์อ่อนไหว
- 😭 (Loudly Crying Face) → ทั้งเศร้าและตลก
*** ส่วนอิโมจิยิ้มแบบดั้งเดิม (🙂) จึงถูกมองว่า "เก่า" หรือ "น่าเบื่อ" และถูกตีความ และใช้ในทางลบแทน
4. การหลีกเลี่ยงการดู "ขี้ประจบ" หรือ "เฟค"
⭕ Gen Z ให้ค่ากับ ความจริงใจ และ ความไม่เป็นทางการ ในสื่อออนไลน์ การใช้ 🙂 อาจดูเหมือนกำลัง **ยิ้มแบบไม่เต็มใจ** ??!! หรือ **ซ่อนความรู้สึกลบ** มากกว่า
5. อิทธิพลจาก TikTok และ Meme Culture
⭕ ใน TikTok หรือ Twitter [ X ] มักมีมส์ล้อเลียนการใช้ 🙂 ของคนรุ่นก่อนว่าเป็น "พ่อแม่ยิ้ม" หรือ "ยิ้มแบบผู้ใหญ่ที่แอบเครียด" ทำให้อิโมจินี้ถูกตีความใหม่ในเชิงลบ
สรุป
อิโมจิยิ้ม (🙂, 😊 ) ไม่ได้ "เลวร้าย" ในตัวเอง .... แต่ บริบทการใช้งานเปลี่ยนไป เพราะ Gen Z ตีความที่ต่างไป และนำมันมาใช้สื่อสารอารมณ์ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ความหงุดหงิดแบบเมินเฉย หรือการประชดแบบนุ่มนวล ดังนั้น เวลาส่งอิโมจิให้ Gen Z ควรสังเกตบริบท และเลือกใช้ 😂, 🫠, 🥲 แทนหากต้องการความหมายแบบเดิม!
คำแนะนำ :
ถ้าไม่อยากให้เข้าใจผิด ใช้ "ขำกลิ้ง" (😂) หรือ "ยิ้มแบบตาเป็นหัวใจ (🥰)" จะปลอดภัยกว่า! จะไม่ทำให้ชาว Gen Z ที่เปราะบาง เกิดความหงุดหงิดใจ