
เป็นค้างคาวขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ในวงศ์ค้างคาวผลไม้ ที่พบได้ในทางตอนกลาง และทางตะวันตกของแอฟริกา โดยพบได้มากในที่ราบลุ่ม ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลน้อยกว่า 1,800 เมตร ภายในป่าฝน ป่ารอบแหล่งน้ำต่าง ๆ ไปจนถึงทุ่งหญ้ากว้างขนาดใหญ่
🦇 ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตของมัน ความยาวทั้งตัวประมาณ 25 เซนติเมตร แต่มีความกว้างของปีกทั้งสองข้างมากถึง 1 เมตร !!! นั่นทำให้มันดูมีขนาดตัวที่ใหญ่โต ซึ่งเป็นค้างคาวที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกานั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็มีน้ำหนักตัวเพียง 275 ถึง 400 กรัมเท่านั้นเอง ...
🦇 ลักษณะโดยทั่วไป รอบตัว มีขนสั้นสีน้ำตาลอมเทา และส่วนคอมีสีออกโทนขาวมากกว่า ปีกและหูไม่มีขน มีสีน้ำตาลเข้ม โดยปกติแล้ว ส่วนปากขนาดใหญ่ของมัน จะมีกล่องเสียงขนาดใหญ่อยู่ภายในด้วย นอกจากนี้รูปร่างหัวสุดแปลกของมัน ยังทำหน้าที่สำคัญในการส่งเสียงออกไปสำหรับหาคู่อีกด้วย
🦇 ... พวกมัน รวมกลุ่มกันทั้งตัวผู้ และตัวเมียในกลุ่มเดียวกันได้ตั้งแต่ 4 ถึง 25 ตัวต่อฝูง ซึ่งต่างจากค้างคาวชนิดอื่นที่ตัวผู้ และตัวเมียจะอยู่แยกกลุ่มกัน เช่นเดียวกับค้างคาวทั่วไป ที่มักจะนอนพักผ่อนในเวลากลางวัน และออกหาอาหารในเวลากลางคืนเป็นหลัก โดยค้างคาวชนิดนี้นั้น เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งกินผลมะเดื่อเป็นหลัก รวมไปถึงมะม่วง และกล้วย ไปจนถึงผลฝรั่ง ในบางครั้งสามารถบินได้ไกลถึง 10 กิโลเมตรต่อวัน เพื่อหาแหล่งอาหารอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ค้างคาวชนิดนี้ กลายเป็นศัตรูตัวสำคัญของธรรมชาติ เพราะมันเป็นเพียงค้างคาวไม่กี่ชนิดในแอฟริกาที่เป็นพาหะนำโรค “ไวรัสอีโบล่า” (Ebola virus) โดยที่มันไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาเลย
ซึ่งนักวิจัยยังคงหาคำตอบอยู่ว่า มันเป็นพาหะโดยบังเอิญ หรือเป็นเพียงการสะสมไวรัสไว้เท่านั้น ??!!
แต่การทิ้งเปลือกอาหาร หลังจากที่พวกมันกินเสร็จแล้ว โดยเฉพาะตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ จะทำให้สัตว์ต่างๆ มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น จากการที่ไปกินเศษอาหารที่มันกินเหลือทิ้งเอาไว้ โดยเฉพาะกอริลลาในประเทศคองโก และกาบอง ที่มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากจะมีรูปร่างสุดแปลกของมันที่แตกต่างกับค้างคาวทั่วไป ราวกับสัตว์ประหลาดแล้ว มันยังเป็นตัวนำหายนะมาให้สัตว์นานาชนิดทั่วโลก รวมไปถึงมนุษย์อย่างพวกเราอีกด้วย
ซึ่งนักวิจัยยังคงหาคำตอบอยู่ว่า มันเป็นพาหะโดยบังเอิญ หรือเป็นเพียงการสะสมไวรัสไว้เท่านั้น ??!!
แต่การทิ้งเปลือกอาหาร หลังจากที่พวกมันกินเสร็จแล้ว โดยเฉพาะตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ จะทำให้สัตว์ต่างๆ มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น จากการที่ไปกินเศษอาหารที่มันกินเหลือทิ้งเอาไว้ โดยเฉพาะกอริลลาในประเทศคองโก และกาบอง ที่มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากจะมีรูปร่างสุดแปลกของมันที่แตกต่างกับค้างคาวทั่วไป ราวกับสัตว์ประหลาดแล้ว มันยังเป็นตัวนำหายนะมาให้สัตว์นานาชนิดทั่วโลก รวมไปถึงมนุษย์อย่างพวกเราอีกด้วย