ช่วงนี้ ในพื้นที่สื่อ มีการกระปั่น กระแสข่าวลวง ที่ส่งผลทางลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง ....
จากที่ได้เคยเล่าให้ฟังเรื่อง ทฤษฎีการวางกรอบ ( Framing Theory ) ในโพสต์ก่อนๆ ก็บังเอิญมีตัวอย่างการพาดหัว เรื่อง “คนเก่งต้องไม่พอเพียง” ในโพสต์ที่แล้ว
ช่วงนี้ก็มีตัวอย่างการวางกรอบอีกแล้วครับ กรณีการนำเสนอข่าว ของสื่อบางสำนัก เรื่องราชตฤณมัยสมาคมฯ เตรียมแผนสร้าง Entertainment Complex แต่ไม่ได้บอกว่าที่ไหน (วางกรอบการนำเสนอไว้แค่นั้น) นอกจากนั้นแล้วยังมีการวงเล็บต่อท้ายราชตฤณมัยสมาคมฯ ด้วยว่า “สนามม้านางเลิ้ง”
ก็เป็นเรื่องเลย เพราะมีกระแสว่า อ้าว ....ไหนบอก ในหลวงเอาสนามม้านางเลิ้งมาทำเป็นสวนสาธารณะ ทำไมกลายเป็น Entertainment Complex ?
ช่วงนี้ก็มีตัวอย่างการวางกรอบอีกแล้วครับ กรณีการนำเสนอข่าว ของสื่อบางสำนัก เรื่องราชตฤณมัยสมาคมฯ เตรียมแผนสร้าง Entertainment Complex แต่ไม่ได้บอกว่าที่ไหน (วางกรอบการนำเสนอไว้แค่นั้น) นอกจากนั้นแล้วยังมีการวงเล็บต่อท้ายราชตฤณมัยสมาคมฯ ด้วยว่า “สนามม้านางเลิ้ง”
ก็เป็นเรื่องเลย เพราะมีกระแสว่า อ้าว ....ไหนบอก ในหลวงเอาสนามม้านางเลิ้งมาทำเป็นสวนสาธารณะ ทำไมกลายเป็น Entertainment Complex ?
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ เอาไปเล่นต่ออีกมากมาย ส่งผลให้ ไปๆมาๆ กลายเป็นกระแสโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการรับรู้ที่ผิดๆ ไป ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีอะไรเลย !??
สื่อฯ รายแรกที่ลงว่า
“สนามม้านางเลิ้ง” ต่อมา ก็ Edit ข้อความ ลบไปเนียนๆ แล้ว .... แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะปั่นกระแสอยู่ และความรับรู้ที่ผิดๆนี้บางทีก็ยังคงอยู่อย่างเนิ่นนาน ....
ตัวอย่างการรับรู้ผิดๆ ที่ยังยืนยงคงอยู่ ที่ชัดเจนก็อย่างเช่น เรื่อง “ตายายเก็บเห็ด” นั้นไงครับ....
ทฤษฎีการไหลสองจังหวะ
ทฤษฎีการไหลสองจังหวะ
(Two-step Flow Communication)
ในทางทฤษฎีสื่อสารมวลชน มีอยู่ทฤษฎีหนึ่งที่อธิบายปรากฎการณ์เหล่านี้ได้ คือ ทฤษฎีการไหลสองจังหวะ (Two-step Flow Communication)
ในทางทฤษฎีสื่อสารมวลชน มีอยู่ทฤษฎีหนึ่งที่อธิบายปรากฎการณ์เหล่านี้ได้ คือ ทฤษฎีการไหลสองจังหวะ (Two-step Flow Communication)
กล่าวคือ ... จังหวะแรก ข่าวสารจะไหลจากสื่อจะไปหาอินฟลูเอนเซอร์ก่อน .... จังหวะที่สอง จากอินฟลูเอนเซอร์ ก็จะไหลไปหาประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้ติดตาม ...
ปัญหาของปรากฎการณ์นี้ คือ เมื่อสื่อกำหนดวาระของข่าว (Agenda Setting) แล้ววางกรอบ ( Framing ) รอบที่หนึ่ง ข่าวสารก็จะถูกชี้นำไปแล้วส่วนหนึ่ง เมื่ออินฟลูเอนเซอร์วางกรอบของตนเองอีกรอบที่สอง ข่าวสารก็จะยิ่งถูกชี้นำเพิ่มขึ้นไปอีก
ปัญหาของปรากฎการณ์นี้ คือ เมื่อสื่อกำหนดวาระของข่าว (Agenda Setting) แล้ววางกรอบ ( Framing ) รอบที่หนึ่ง ข่าวสารก็จะถูกชี้นำไปแล้วส่วนหนึ่ง เมื่ออินฟลูเอนเซอร์วางกรอบของตนเองอีกรอบที่สอง ข่าวสารก็จะยิ่งถูกชี้นำเพิ่มขึ้นไปอีก
.....และประชาชนผู้รับข่าวสารจากจังหวะการไหลที่สอง นี้ น้อยคนนัก ที่จะตรวจสอบไปยังต้นธารแห่งการไหลของข่าวสารนี้ .... จึงปรากฎว่า ประชาชนปลายทางของข่าวสาร มีความเชื่อที่ผิดๆ อยู่หลายต่อหลายเรื่อง ( ซึ่งต้นทางบางทีก็ Edit ข้อความหนีไปแล้ว )
ในกรณีการรับรู้ที่ผิดพลาดเกี่ยวกับสถาบันฯ ก็ส่งผลให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน เมื่อบางคนแสดงออกมาอย่างไม่เหมาะสม ก็ถูกดำเนินคดี ม.112 เมื่อมีประชาชน ถูกดำเนินคดี ก็มีคนนำไปปั่นกระแสโจมตีสถาบันต่อ ....
ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ช่วงนี้มีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก
สื่อบางสำนักคงไม่ได้ทำหน้าที่กระจกสะท้อนสังคมกระมังครับ
แนะนำให้อ่านหนังสือ The Complete Reporter Fundamentals of News Gathering, Writing, and Editing 7ED โดย Kelly Leiter, Julian Harris และ Stanley Johnson
ในหนังสือเล่มนี้มีจรรยาบรรณอยู่ข้อหนึ่งที่ควรยึดถือ
ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ช่วงนี้มีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก
สื่อบางสำนักคงไม่ได้ทำหน้าที่กระจกสะท้อนสังคมกระมังครับ
แนะนำให้อ่านหนังสือ The Complete Reporter Fundamentals of News Gathering, Writing, and Editing 7ED โดย Kelly Leiter, Julian Harris และ Stanley Johnson
ในหนังสือเล่มนี้มีจรรยาบรรณอยู่ข้อหนึ่งที่ควรยึดถือ
“ต้องเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านแก่ผู้รับสาร (The truth and the whole truth)”
“การไหลแบบหลายจังหวะ
( Multistep Flow of Communication)”
ในยุคที่ข้อมูลแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย การสื่อสารไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ “การไหลสองจังหวะ” อีกต่อไป
เรากำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การไหลแบบหลายจังหวะ ( Multistep Flow of Communication)”
ในยุคที่ข้อมูลแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย การสื่อสารไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ “การไหลสองจังหวะ” อีกต่อไป
เรากำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การไหลแบบหลายจังหวะ ( Multistep Flow of Communication)”
ซึ่งข้อมูลถูกกระจายไปในหลายชั้น หลายระดับ ทำให้ สาระสำคัญถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ จนในที่สุด คนจำนวนมากกลับไม่รู้ว่า ความจริงคืออะไร ...
จากเคสการปั่นกระแสเรื่องไม่ผ่านช่วงทดลองงานเพราะใส่เสื้อส้มและพูดอีสาน (ใครยังไม่ทราบเคสนี้ไปอ่านสรุปที่นี่ครับ https://www.facebook.com/share/p/XFBPN7EEdJKq5jt3/ ) --- เราจะเห็นการปั่นกระแสอย่างเป็นระบบครับ
เหตุการณ์นี้ มันเริ่มจากโพสต์เล็กๆ ในเฟซบุ๊ก แล้วถูกขยายไปในหลายขั้นตอน เริ่มจาก การแชร์โดยเพจใหญ่ที่มีผู้ติดตามหลายล้าน ....สื่อหลักนำไปเล่นข่าว และสุดท้ายเกิดการทำมีมล้อเลียนในเพจหลักแสนหลายเพจ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นกระแส สุดท้ายคนก็แชร์มีมไปด่ากันสนุกสนาน ....
การไหลแบบหลายจังหวะ เป็นเครื่องมือสำคัญของพวก Neo-Marxism ในการควบคุมการรับรู้ของสังคม เมื่อข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน แต่ละขั้นตอน จะถูกบิดเบือนตามวัตถุประสงค์ของผู้กระจาย ข่าวลือ และการสร้างกระแสผ่านมีม เพจใหญ่ หรือสื่อหลัก
เป้าหมายของพวก Neo-Marxism คืออะไร ?
“เป้าหมาย คือ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคม”
พวก Neo-Marxism นั้น ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ที่มองว่า "ความรักชาติเป็นเครื่องมือของชนชั้นนำ" ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามทำให้ ความรักชาติ กลายเป็นเรื่อง "ล้าสมัย" ในสายตาของคนรุ่นใหม่ ด้วยการปั่นกระแสข่าวลวงและการบิดเบือนความจริง ....
ก็บังเอิญ ไปเจอบทความเรื่องเกี่ยวกับ การปฏิวัติสี ที่เขียนโดยมุมมองนักการทหารของรัสเซีย เรื่อง “Color Revolutions in Russia : Possibility and Reality”
เป้าหมายของพวก Neo-Marxism คืออะไร ?
“เป้าหมาย คือ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคม”
พวก Neo-Marxism นั้น ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ที่มองว่า "ความรักชาติเป็นเครื่องมือของชนชั้นนำ" ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามทำให้ ความรักชาติ กลายเป็นเรื่อง "ล้าสมัย" ในสายตาของคนรุ่นใหม่ ด้วยการปั่นกระแสข่าวลวงและการบิดเบือนความจริง ....
ก็บังเอิญ ไปเจอบทความเรื่องเกี่ยวกับ การปฏิวัติสี ที่เขียนโดยมุมมองนักการทหารของรัสเซีย เรื่อง “Color Revolutions in Russia : Possibility and Reality”
กล่าวถึงความพยายามของชาติตะวันตกที่จะทำให้ ชาติเป้าหมาย อ่อนแอลง และเปลี่ยนทิศทางทางการเมือง จากแนวชาตินิยมเป็นสนับสนุนตะวันตก เพื่อจะเข้ามาควบคุมทรัพยากร
มันช่างคล้าย กับสิ่งที่เกิดในสังคมไทยจริงๆ ครับ !!!
ซึ่งเรา ก็จะเห็นร่องรอยความสัมพันธ์ ระหว่างชาติตะวันตกกับพวก Neo-Marxism อยู่ในหลายภาคส่วนเหมือนกับ ความสัมพันธ์ระหว่างชาติตะวันตก กับกลุ่มฝ่ายค้านที่เคยเกิดในช่วงการปฏิวัติสี
วันนี้ เราต้องตระหนักรู้ แล้วครับว่า กระแสที่เราเห็นในโลกออนไลน์ นั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นส่วนหนึ่งที่พวก Neo-Marxism ใช้ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมืองของตน โดยไม่สนใจว่าเป็นการบ่อนทำลายความแข็งแกร่งของชาติหรือไม่ !!!
ดังนั้น เราต้องตื่นรู้ และต้องระมัดระวังต่อกระแสเหล่านี้ อย่าให้การปั่นกระแสในโลกโซเชียล ทำให้เราหลงเชื่อสิ่งที่ไม่เป็นจริง และอย่าให้พวกเขา ครอบงำวิธีคิดของเรา
ดังนั้น เราต้องตื่นรู้ และต้องระมัดระวังต่อกระแสเหล่านี้ อย่าให้การปั่นกระแสในโลกโซเชียล ทำให้เราหลงเชื่อสิ่งที่ไม่เป็นจริง และอย่าให้พวกเขา ครอบงำวิธีคิดของเรา
เพราะหากเราไม่ตระหนักในวันนี้ วันหนึ่งประเทศไทยอาจตกเป็นเหยื่อ เป็นเพียงเครื่องมือของผู้มีอำนาจที่หวังเพียงแค่ผลประโยชน์ของตนเอง โดยไม่สนใจความอยู่รอดของประเทศ และคนไทยครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องนี้
- เพจดังแฉ "ใส่เสื้อส้ม-พูดอีสาน" ไม่ผ่านงาน ที่แท้คนปั่นเฟกนิวส์เป็นด้อมส้มตัวยง
เผยแพร่: 20 ก.ย. 2567 09:53 ปรับปรุง: 20 ก.ย. 2567 12:03 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ - เพจดังสรุปดราม่า ข่าวปั่นเสื้อส้ม-พูดอีสานตกงาน ฝีมือคนใกล้ชิดผู้สมัคร สส.พรรคประชาชน เผยแพร่ : 19/09/2024 18:04