นิทานโดย : ปราชญ์ สามสี
ในระบบฟิวดัลนี้ แมวทุกชนชั้นตั้งแต่ ผู้นำ, ขุนนาง ,ไพร่ จนถึงทาส ต่างก็ได้รับประโยชน์จากระบบอุปถัมภ์ ที่พวกมันสร้างขึ้น แมวชั้นผู้นำ และขุนนางจะได้รับบรรณาการ และแรงงานจากแมวชนชั้นล่าง ในขณะที่ แมวชนชั้นล่าง และทาส ก็ได้รับความคุ้มครอง และสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตจากแมวชั้นสูงกว่า
แม้จะมีความเหลื่อมล้ำอย่างยาวนาน แต่แมวทุกตัว ก็ยังได้รับประโยชน์บางอย่างจากระบบนี้ ...
อย่างไรก็ตาม ในความมั่งคั่งและอำนาจที่แมวมีนั้น ก็มีสิ่งมีชีวิตอีกประเภทหนึ่ง ที่ถูกกดขี่และถูกมองว่าไม่มีค่าเลย "หนูท่อ" ที่อาศัยอยู่ในเงามืดใต้ดิน พวกมันคือ ประชากรแฝงในสังคมแมว มันไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในระบบฟิวดัลของแมว หนูท่อ ถูกกีดกันออกจากสังคมแมวโดยสิ้นเชิง พวกมันไม่สามารถค้าขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้า และไม่สามารถทำงานบริการใดๆ ภายในดินแดนของแมวได้ หนูท่อจึงต้องใช้ความชาญฉลาด และความสามารถในการปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายนี้ ....
หนูท่อเหล่านี้ ไม่ได้เพียงแค่เอาตัวรอด แต่ยังได้ค้นพบวิธีที่จะสร้างความมั่งคั่งจากสิ่งที่แมวเห็นว่าไร้ค่า
พวกมันรวบรวมเศษซากที่แมวทิ้งขว้าง เช่น เศษอาหาร , เศษผ้า หรือเหรียญที่หายไป หนูเหล่านี้จะเดินทางผ่านท่อระบายน้ำ ไปยังดินแดนห่างไกล ที่ซึ่งของเศษซากเหล่านี้ มีค่า และสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรมีค่า ที่พวกมันนำกลับมาสะสมไว้ได้ .... ด้วยวิธีนี้ หนูท่อจึงค่อยๆ สร้างความมั่งคั่งขึ้นมาจากสิ่งที่แมวมองข้าม ...
แต่นั่น ยังไม่ใช่ทั้งหมด หนูท่อบางตัว เริ่มตระหนักได้ว่า การเก็บสะสมแบบนี้ ไม่ทำให้ร่ำรวยรวยเร็ว อีกทั้ง ยังไม่มีอำนาจในการกำหนดกฎเกณฑ์ทุกสิ่งทุกอย่างในสังคม เพราะไม่มีกำลังจะไปสู้แมวได้ ทั้งนั้น เหล่าหนูท่อ จึงคิดหาทาง ทำให้ระบบการปกครองของแมวอ่อนแอลง และเพราะรู้จักสังคมแมวเป็นอย่างดี... จึงวางแผนที่จะแทรกซึม และควบคุมสังคมแมว ด้วยการปลุกปั่นและสร้างความแตกแยก หนูท่อพัฒนา ทฤษฎีสองแบบ ที่พวกมันใช้ในการสร้างความขัดแย้งในหมู่แมว ...
ทฤษฎีหนึ่ง คือ "การปกครองที่สัตว์ทุกตัวล้วนเท่าเทียมกัน" แนวคิดนี้ ทำให้แมวเริ่มเชื่อว่า ทรัพยากรที่มีอยู่ในสังคม ควรแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกัน แมวชนชั้นล่าง ที่รู้สึกถูกกดขี่จึงเริ่มเรียกร้องความเท่าเทียม
ทฤษฎีสอง ในขณะเดียวกัน หนูท่อกลุ่มอื่น ก็ได้เผยแพร่ทฤษฎี "ลัทธิการปกครองว่าด้วยการสะสม" ซึ่งเน้นว่าผู้ที่ทำงานหนัก และมีความสามารถควรได้รับรางวัลมากกว่าผู้อื่น ทรัพยากร และความมั่งคั่งควรถูกสะสมในมือของผู้ที่ทำงานหนักที่สุด แนวคิดนี้ได้รับความสนใจจากแมวชนชั้นกลาง ที่เชื่อว่าตนเองสมควรได้รับทรัพยากรเหล่านี้มากกว่าแมวตัวอื่น ๆ
ทฤษฎีทั้งสองแบบนี้ ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในหมู่แมว
กลุ่มแมว ที่เชื่อในความเท่าเทียม เริ่มมองว่า ผู้ที่สะสมทรัพยากรเป็นพวกโลภ และไม่ยุติธรรม ขณะกลุ่มแมว ที่เชื่อในลัทธิการสะสม ก็มองว่าพวกที่เรียกร้องความเท่าเทียม เป็นพวกที่เกียจคร้านและต้องการสิ่งที่พวกมันไม่ได้ทำงานเพื่อให้ได้มา ความขัดแย้งนี้ค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นการทะเลาะวิวาท และการปะทะกันระหว่างกลุ่มแมวในแต่ละฟิวดัล
ในที่สุด ความขัดแยกในสังคมแมว ก็ยกระดับ จนกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ แมวในแต่ละฟิวดัล เริ่มทำสงครามกัน เพื่อแย่งชิงทรัพยากร และอุดมการณ์ที่พวกมันเชื่อ สังคมแมวที่เคยรุ่งเรืองกลับกลายเป็นสงครามกลางเมือง ที่ทำลายทุกสิ่งที่เคยสร้างขึ้น ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ หนูท่อ กลับสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการขยายอำนาจของพวกมัน หนูท่อสามารถหลบหนีและแทรกซึมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของแมวได้โดยที่แมวไม่รู้ตัว
ในที่สุด ความขัดแยกในสังคมแมว ก็ยกระดับ จนกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ แมวในแต่ละฟิวดัล เริ่มทำสงครามกัน เพื่อแย่งชิงทรัพยากร และอุดมการณ์ที่พวกมันเชื่อ สังคมแมวที่เคยรุ่งเรืองกลับกลายเป็นสงครามกลางเมือง ที่ทำลายทุกสิ่งที่เคยสร้างขึ้น ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ หนูท่อ กลับสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการขยายอำนาจของพวกมัน หนูท่อสามารถหลบหนีและแทรกซึมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของแมวได้โดยที่แมวไม่รู้ตัว
นิทานเรื่องนี้ จึงเป็นบทเรียนให้เห็นถึงผลร้ายของความแตกแยกและการแบ่งแยกในสังคม การที่แมวไม่สามารถร่วมมือกัน และเชื่อในความสามารถของตนเอง ทำให้พวกมันตกเป็นเหยื่อของการยุยง และการปลุกปั่นจากหนูท่อ ที่รู้จักการปรับตัวและใช้ความฉลาดในการเอาตัวรอด ท้ายที่สุด ความแตกแยกในหมู่แมว ก็นำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ โดยที่หนูท่อกลับกลายเป็นผู้รอดพ้นและเจริญรุ่งเรืองในท้ายที่สุด
เรื่องและภาพ โดย : ปราชญ์ สามสี