เหตุเพราะว่า ..ที่ผ่านมา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยผลักดัน ปัญหาโรฮิงญา ให้กลายมาเป็น ปัญหาของมนุษยชาติ อย่างต่อเนื่องยาวนานมาหลายปี โดยเฉพาะมนุษยชาติ ในแถบประเทศอาเซียน ที่มีทรัพย์ในดินสินในน้ำ เป็นที่หมายตาของนายทุนสามานย์ข้ามชาติทั้งหลายนั้น ก็คือ จอร์จ โซรอส กับ รัฐบาลอเมริกา นั่นเอง..
รัฐบาลอเมริกา ที่แสร้งรักโรฮิงญา ใส่ใจปัญหาโรฮิงญา แต่ไม่เคยอ้าแขนรับไปอุปการะเลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราว กับ จอร์จ โซรอส ที่แสร้งเข้าไปอุปการะผ่านมูลนิธิองค์กรการกุศล ในเครือข่ายที่ค่ายอพยพในบังกลาเทศ คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ปัญหาการอพยพย้ายถิ่นที่อยู่ของ โรฮิงญา ตัวจริงเสียงจริง ..
ทั้งเขียนบทละคร จัดฉากดราม่า สร้างอารมณ์ สะเทือนขวัญ ปั่นหัวชาวโลก กดดันให้ประเทศต่างๆ ออกมารับผิดชอบร่วมกัน ผ่านการเสี้ยมข่าวของสื่อมวลชน เอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษยชน และ นักการเมือง ที่รับใช้งานกัน
ภาพโศกนาฏกรรมนองเลือดในพม่า คือ ผลพวงของความวิบัติฉิบหายในบั้นปลายที่เกิดขึ้นจากความชะล่าใจและอ่อนด้อยข้อมูลเชิงลึกในการจัดการปัญหาความขัดแย้ง ของ อดีตรัฐบาลพม่า และกองทัพพม่า จนโดนต่างชาติแทรกแซง และจัดฉากสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน จนมันบานปลายกลายเป็น..ฉากฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่สื่อตะวันตกนำไปขยายผล กลายเป็นคดีความใหญ่ในศาลโลก ที่หลายฝ่ายต่างเชื่อว่า มันคือ หนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ กองทัพทหารพม่าต้องออกมาทำรัฐประหารยึดอำนาจ เพราะว่าคดีนี้มี อองซาน ซูจี เป็นหนึ่งในพยานปากเอก ที่คำให้การของเธอก่อนหน้า ส่งผลเสียต่อผู้นำทหารพม่า
ดังนั้น ปัญหาโรฮิงญา มันจึงสลับซับซ้อน มีตัวละคร มีกลุ่มผลประโยชน์ ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย
" มีอุทาหรณ์หลายอย่างให้จดจำนำมาเป็นบทเรียนในการวางแผนแก้ไขปัญหา ..จึงเป็นเรื่องต้อง ฟังหูไว้หู อย่าด่วนสรุป.."
ปัญหาค้ามนุษย์ในประเทศไทย ที่เกิดจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน หลอกค้าแรงงานเถื่อน ก็ต้องให้ ตำรวจจัดการดำเนินคดีผู้กระทำความผิดแบบกวาดล้าง เพื่อสร้างการยอมรับ และ ปรับความน่าเชื่อถือ ในเรื่องของกระบวนการกฎหมาย
ในขณะเดียวกัน ปัญหาที่เกิดจากองค์กรสิทธิมนุษยชนข้ามชาติ ผลักดันส่งออกโรฮิงญามาให้เรารับผิดชอบ เราก็ต้องจัดการแก้ไขปัญหานี้กันแบบตามน้ำ ในลักษณะบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นกันไป ... ที่ผ่านมา รัฐบาล ก็แก้ปัญหานี้ เหมาะสมตามสมควร ช่วยเหลืออย่างพอดี และผลักดันออกไปในเวลาที่พอเหมาะ ไม่รับไว้เป็นภาระสร้างความขัดแย้งในอนาคต จึงทำให้สถานการณ์วุ่นวายเกี่ยวกับปัญหาโรฮิงญาในไทยไม่เกิดขึ้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในพม่า
อย่าลืมว่า ..
ปัญหาค้ามนุษย์ คือ อาวุธ ที่อเมริกาใช้เล่นงาน รัฐบาล คสช. มาตั้งแต่หลังรัฐประหาร ๒๕๕๗ คือ ลดจาก Tier 1 มาเป็น Tier 3 โดยอ้างเรื่องกฎใหม่ จากนั้นก็ใช้อ้างกดดันแบนการค้าการส่งออกของไทยอยู่ต่อเนื่องหลายปีทำให้เดือดร้อนกระทบไปทั่ว แต่รัฐบาลลุงตู่ ตั้งแต่สมัย คสช. ก็แก้ไขปัญหาต่างๆมาได้ ด้วยความรู้เท่าทันเกม จนระดับความน่าเชื่อกลับมาดีเหมือนเดิม
ทว่า ช่วงปี ๒๕๖๔ ปัญหาค้ามนุษย์ก็ถูกอเมริกา หยิบมาเล่นงานไทยอีกรอบ รอบนี้รัฐบาลปัจจุบัน ทั้งๆที่มาจากการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ ก็โดนอเมริกา ปรับลดระดับอีกรอบลงมาอยู่ที่ Tier2 และ พอมา ปีนี้ ๒๕๖๕ ปัญหาโรฮิงญา ก็ถูกนักการเมืองในสภาที่โปรอเมริกา และ จอร์จ โซรอส ก็หยิบเรื่องนี้มาเล่นเกมการเมืองทั้งในและนอกสภาต่อ แบบหวังฟื้นฝอยหาตะเข็บ..... โดยนำหนังเก่าละครน้ำเน่า มารีรันฉายใหม่ กับ ข่าวอดีตนายตำรวจนายหนึ่ง ที่หนีไปทำซึ้งอยู่ถึงออสเตรเลีย มาปั่นกระแสโดนกลั่นแกล้งหนีตาย ทั้งๆที่ ประเด็นนี้ในอดีต บิ๊กแป๊ะ เคยออกมาชี้แจงแถลงไข และ เคลียร์ข้อข้องใจต่างๆของปริศนาการลาออก ของ อดีตนายตำรวจคนนี้จนหมดแล้ว..
ที่มันหนีไม่พ้นเรื่อง ..ผลประโยชน์ และ เกมการเมือง ..
ของคนที่ไม่ได้อะไรดั่งใจ ก็ฟาดงวงฟาดงาไปเรื่อย
๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ภาพ DANISH SIDDIQUI | เครดิต: REUTERS
เพื่อเข้าใจถึงแก่นแท้แห่งการล่มสลายของราชบัลลังก์พม่า
ราชวงศ์คองบอง สงคราม ความรัก และหายนะเหนือบัลลังก์พม่า
ราชวงศ์สุดท้ายของราชอาณาจักรพม่า ครองอำนานยาวนานถึง 133 ปี ทั้งออกศึกรบพุ่งกับชนชาติอื่นรอบด้าน ต่อต้านการรุกรานของมหาอำนาจตะวันตก กรำศึกภายในจากการช่วงชิงอำนาจของหมู่ญาติวงศ์มากครั้ง ราวกับราชบัลลังก์นี้ชุ่มไปด้วยเลือด ตลอดระยะเวลาร้อยกว่าปีของ "ราชวงศ์คองบอง"
>> ดูเพิ่มเติม
Tweet