พฤติกรรมของสวะสังคม
คือการแสดงอำนาจทางอารมณ์ และความรู้สึกเหนือเหยื่อ เหนือสังคม ที่สังคมจัดว่าเป็นพฤติกรรม "ละเมิด" ผู้อื่น เป็นพฤติกรรมต่ำช้าเลวทราม และ "ไม่ได้ก่อประโยชน์ใดๆ" ทั้งแก่ตัวเอง คนอื่น หรือสังคมใดๆ เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าพฤติกรรมบางกรณีเหมือนจะเป็นความคิด แต่แท้จริง inner ของสวะสังคมนั้นไม่ได้เป็นแรงขับดันเพื่อก่อพุทธิปัญญาใดๆ ให้แก่เหยือและสังคมโดยรวมเลยแม้แต่น้อย
การแสดงความเหนือกว่าด้านอารมณ์ความรู้สึกจากเหล่าสวะสังคมนี้ ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ ที่แสดงพฤติกรรมทางกายภาพเพื่อ ข่มขู่ให้สัตว์ตัวอื่นหวั่นเกรงหรือหวาดกลัวเมื่อสัตว์เหล่านั้นต่อสู้กันเอง หรือกำลังป้องกันตัวเองจากสัตว์ผู้ล่า เช่น แมวพองขน โก่งตัว ให้ดูตัวใหญ่ขึ้น แยกเขี้ยวใส่กันเมื่อกำลังจะต่อสู้กัน ทั้งที่จริงแล้ว แมวตัวนั้นอาจไม่ได้มีพละกำลังทางร่างกายที่แท้จริงใดๆ เหนือกว่าสัตว์ตัวอื่น อย่างหมา หรือมนุษย์ เลยด้วยซ้ำ
จึงนำไปสู่การวิเคราะห์ได้ว่า พฤติกรรมของสวะสังคมนั้น
แท้จริงแล้ว กำลังข่มขู่คุกคามคนอื่นและสังคม เพื่ออะไร ???
ไม่ต่างจากตัวอย่างเรื่องแมวข้างต้น สวะสังคม แสดงพฤติกรรมต่ำทรามเหล่านี้ เพื่อปิดบังอำพรางซ่อนเร้นความอ่อนแอ ความไร้สามารถ ไร้สติปัญญา ที่เป็นตัวตนเบื้องลึกที่แท้จริงเอาไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ ชิงลงมือกระทำต่อคนอื่นเสียก่อนที่จะให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองอ่อนแอ กลวง ว่างเปล่า ไร้สาระใดๆ ในตัวตนเบื้องลึกเบื้องหลังนั้นในจิตใจสวะสังคมเหล่านี้ เกิดมาจากภาวะขาดพร่อง Self Esteem ( -- ความภาคภูมิใจและความเชื่อมั่นในตัวเอง (แตกต่างจากความมั่นใจในตัวเอง) --- ) ซึ่งเป็นหนึ่งใน Maslow's Hierarchy of Human Basic Needs อยู่ในระดับบนสุดของ Physical Needs แล้ว คือเป็นความต้องการพื้นฐานทางกายภาพที่มีระดับสูงสุด ความซับซ้อนมากที่สุดของมนุษย์ในฐานะ "ปัจเจก" แล้ว
"การขาดพร่อง Self Esteem ทำให้ออกจากครอบครัวไปดำรงชีวิตอยู่ด้วยตนเองในสังคมได้ยาก"
สวะสังคม คือ loser ออกมาจากบ้าน ขาดพร่อง Self Esteem - Self Actualization เข้ามาดำรงชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม แต่เมื่อขาดทักษะ ก็จะแสดงพฤติกรรมออกไปได้ใน 2 ลักษณะ
1 > หากการเรียนรู้เพื่อสร้าง Self Esteem นั้นเกิดจาก "ครอบครัวเป็นพิษ" มีอันตรายในครอบครัว มีการ abused คนกลุ่มนี้จะตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างรุนแรง มีปมทางจิตรุนแรง โรคซึมเศร้า พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ฯลฯ
>>> แต่หลายๆ คนก็สามารถเริ่มต้นเรียนรู้ทักษะการดำรงชีวิตกันใหม่ได้ แม้จะเข้ามาดำรงชีวิตในสังคมแล้วก็ตาม เป็นไปในลักษณะ On the Job Training (OJT) เรียนรู้จากของจริงกันไป จนในที่สุดก็อาจแก้ปมทางจิตของตนเองได้ จนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมอย่างเป็นปกติสุขได้ <<<
2 > หากการเรียนรู้เพื่อสร้าง Self Esteem นั้นเกิดจาก "ครอบครัวที่ลุ่มหลง" มัวเมาการเลี้ยงลูก เสพการเลี้ยงลูกเหมือนเล่นตุ๊กตา สะสมสิ่งของ คือ ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ทะนุถนอมราวไข่ในหิน ตามใจจนไม่เกิดการเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาพื้นฐานที่แท้จริงในการดำรงชีวิต หรือครอบครัวที่สร้าง "โลกสำเร็จรูป" ตามสูตรสำเร็จ คือตามสูตรเพื่อความสำเร็จเท่านั้น รังเกียจความล้มเหลว รังเกียจข้อผิดพลาด ไม่มีความอดทนต่อการลองผิดลองถูกระหว่างการเรียนรู้
….. ทั้งหมดนี้จะทำให้คนกลุ่มนี้ออกมาสู่สังคมพร้อมกับ ข้อเรียกร้องนานัปการ เพื่อที่จะ "เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนโลก" ให้เป็นเหมือนกับครอบครัวที่ตนเองเคยอาศัยอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาพื้นฐานในการดำรงชีวิตใดๆ เลย
คนกลุ่มนี้ ยิ่งเมื่ออาศัยอยู่ในสังคมนานเข้า แทนที่จะเรียนรู้กลไกทางสังคมและฝึกฝนเรียนรู้ทักษะการดำรงชีวิตในสังคมให้ได้ กลับชี้นิ้วกล่าวหากลไกทางสังคมทุกอย่างว่าเป็น ภัยอันตราย ต่อการดำรงชีวิตของตัวเอง ไม่ยอมรับความจริงว่าตนเองขาดทักษะในการดำรงชีวิตในสังคม หลงคิดว่าตัวตนตัวเองนั้นคือสุดยอดของการดำรงชีวิตอยู่แล้ว
เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล คนอื่นผิด เป็นภัย สังคมผิด เป็นอันตราย ,โลกผิด ชั่วช้าสามานย์เสียเหลือเกิน
ยิ่งสวะสังคมเหล่านี้ได้เรียนรู้ วาทกรรม จากแนวคิดคลั่งปัจเจก (ปัจเจกนิยม) เช่น การเชิดชูศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่ไม่เอาสังคมมนุษย์มาเชิดชูด้วย ก็นำเอาวาทกรรมตัดแปะ snapshot logic สั้นๆ เป็นประโยคๆ แบบนี้ มาตอแหล อ้างว่า มันเป็นกฎ เป็นสัจธรรม ที่คนอื่น สังคม และโลก ต้องปรนเปรอสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตแบบที่ตนเองเคยได้รับจากครอบครัววิปริตๆ ของตัวเองมาให้ หากคนอื่น สังคม และโลก ไม่ปรนเปรอให้ นั่นคือ คนอื่นผิด สังคมชั่วช้า โลกต่ำทราม …
???? จะไปเท่าเทียมกันได้ยังไงในเมื่อสิ่งที่เรียกร้องมันเกินเลยจากพื้นฐานความเป็นมนุษย์ไปไกลมาก ในขณะที่สวะสังคมเองต่างหากที่ขาดพร่องความเป็นมนุษย์ เรื่อง Self Esteem - Self Actualization ออกมาจากบ้าน
???? จะให้คนอื่น สังคม และโลก สร้างสิ่งที่ครอบครัวควรจะสร้างให้จากที่บ้านได้อย่างไร พังมาจากบ้านเองแท้ๆ
......... Self Esteem ยังพังพินาศ มีหรือจะเข้าถึง Self Actualization จนเกิดประโยชน์โภชน์ผลใดๆ แก่คนอื่น สังคม และโลกได้
บทสรุป...
ขอสรุปโพสต์นี้ด้วยการ ตั้งคำถาม อีกข้อสองข้อ ที่คนอื่น สังคม และโลก ควรต้องมาช่วยกันคิดและร่วมกันลงมือแก้ปัญหา นั่นก็คือ
1) จะทำอย่างไรถึงจะลดสวะสังคมที่ถูกผลิตออกมาจากครอบครัววิปริตๆ ลงได้
2) หากมีสวะสังคมอยู่ในสังคมและโลกแล้ว คนอื่น สังคม และโลก ควรจะร่วมมือกันทำอย่างไร คนอื่นสังคมและโลกจะได้ดำรงคงอยู่อย่างเป็นปกติสุข
อนึ่ง ผู้อ่านสามารถทบทวนความคิดเรื่อง ความเป็นมนุษย์ ทั้งในแง่ ศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม กฎหมาย และในแง่ การจัดสรรทรัพยากร ฯลฯ ได้จากโพสต์ก่อนหน้านี้ในเพจ สังคมวิพากษ์ นี้ ........