ฝั่งหนึ่ง คือ สมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำเผด็จการของกัมพูชา และอีกฝั่งคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ทรงอิทธิพลของไทย ที่กลับมาเดินเกมการเมืองอีกครั้ง หลังถูกโค่นล้มในปี 2549
แต่ในเกมล่าสุดนี้ กลับกลายเป็นว่า ทั้งสองคนที่เคยจับมือกันแน่น กลับ “แทงข้างหลังกันเอง” และพังทลายไปพร้อมกัน
แต่ในเกมล่าสุดนี้ กลับกลายเป็นว่า ทั้งสองคนที่เคยจับมือกันแน่น กลับ “แทงข้างหลังกันเอง” และพังทลายไปพร้อมกัน
จุดเริ่มต้นของ "มิตรผลประโยชน์"
ความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณ–ฮุน เซน ไม่ใช่เพียงเรื่องส่วนตัว เท่านั้น แต่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจข้ามพรมแดน ตั้งแต่ยุคปลายปี 2000 โดยเฉพาะในช่วงที่ทักษิณถูกโค่นล้ม และลี้ภัยต่างประเทศ ฮุน เซน ให้สถานะ “ที่ปรึกษาเศรษฐกิจ” พร้อมพรมแดงรับรองเต็มที่ ...
หนึ่งในโครงการ ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ “เกาะกง Entertainment Complex” ที่มีข่าวว่าทักษิณต้องการเช่าพื้นที่ในเขตกัมพูชาเป็นเวลา 99 ปี เพื่อสร้างศูนย์กลางคาสิโน-โรงแรม-ธุรกิจบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยมี LYP Group (Ly Yong Phat Group) ของ “พัด สุภาภา” หรือ “ลี ยง พัด” เป็นผู้ประสานงานสำคัญ
หนึ่งในโครงการ ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ “เกาะกง Entertainment Complex” ที่มีข่าวว่าทักษิณต้องการเช่าพื้นที่ในเขตกัมพูชาเป็นเวลา 99 ปี เพื่อสร้างศูนย์กลางคาสิโน-โรงแรม-ธุรกิจบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยมี LYP Group (Ly Yong Phat Group) ของ “พัด สุภาภา” หรือ “ลี ยง พัด” เป็นผู้ประสานงานสำคัญ
ตามรายงานของ MGR Online (30 พ.ค. 2551) พัด สุภาภา ได้รับมอบหมายจากฮุน เซน ให้เป็นตัวกลางประสานงานกับทักษิณ โดยโครงการนี้ ถูกวางตัวให้มีมูลค่าสูงถึง 50,000 ล้านบาท มีแผนสร้างสนามบินเล็ก สนามกอล์ฟ กาสิโน สถานบันเทิง และสะพานยาว 10 กิโลเมตร เชื่อมจากฝั่งเข้าไปยัง “เกาะกงในทะเล”
LYP Group ยังครอบครองสัมปทาน ด้านไฟฟ้า น้ำตาล รีสอร์ต และกาสิโนหลายแห่ง รวมถึงเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ในพื้นที่ชายแดนที่มีคนไทยจำนวนมาก เข้าไปเล่นพนัน หรือแสวงโชค โดยมีข่าวโยงกับขบวนการ call center scam ข้ามชาติ ที่สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรในปี 2024–2025 ...
จากเกาะกงถึง “ช่องบก”
วงจรผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน
วงจรผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน
แม้โปรเจกต์เกาะกง จะไม่ประสบความสำเร็จเต็มที่ แต่แนวคิด “เปลี่ยนพื้นที่ชายแดนเป็นเขตเศรษฐกิจไร้อธิปไตย” ยังคงอยู่ และถูกชุบชีวิตใหม่ ในรัฐบาลไทยปัจจุบัน ภายใต้เงาของทักษิณที่กลับมาเป็น “พี่ใหญ่เบื้องหลัง”
ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด “Entertainment Complex ช่องบก” หรือความพยายามสร้างเขต No-Man’s Land (พื้นที่ทับซ้อนที่อ้างสิทธิกันคนละฝ่าย) บริเวณ สามเหลี่ยมมรกต-ช่องบก-เกาะกูด ล้วนแต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้อำนาจนอกระบบเข้าครอบครอง ...
พื้นที่ที่ถูกนิยามว่า “ทับซ้อน” จึงกลายเป็น เขตอาชญากรรมไร้สัญชาติ ที่ไม่อยู่ในอำนาจเต็มของไทยหรือกัมพูชา แต่เปิดให้เครือข่ายสีเทา เข้าไปแสวงหาประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มที่โยงกับ LYP และพันธมิตร call center scam ที่มีรากลึกในรัฐบาลฮุน เซน
จุดแตกหัก: ทหารไม่ยอม – ประชาชน จะไม่ทน
ในปี พ.ศ. 2568 ความพยายามเหล่านี้ เริ่มชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอ้อมๆ ที่ผลักดันให้เกาะกูดกลายเป็นเขตทับซ้อน หรือการเปิดช่องเจรจา แบบไม่โปร่งใสกับกัมพูชาเรื่องชายแดน แต่ฝ่ายความมั่นคงของไทย โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยข่าวกรอง “ไม่อนุญาตให้เกิดเขตเศรษฐกิจไร้อธิปไตย” เหล่านี้ และเป็นที่ชัดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมรับ
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เมื่อฝ่ายไทยส่งสัญญาณ “ไม่เล่นด้วย” แต่ฝ่ายกัมพูชากลับตีความเป็นการทรยศ ซึ่งนำไปสู่การเปิดฉากโจมตี ทางวาจาอย่างรุนแรงของฮุน เซน ต่อรัฐบาลไทย พร้อมเปิดโปงการติดต่อของ “คนแดนไกล” ที่แฝงนัยว่า มีข้อตกลงลับบางอย่าง !!!
บทสรุป
มิตรผลประโยชน์ ย่อมสิ้นสุด
เมื่อผลประโยชน์ไม่ตรงกัน..
ความพยายามแสวงหาประโยชน์จากพื้นที่ชายแดน ไม่ว่าจะในนามของการพัฒนาเศรษฐกิจหรือความสัมพันธ์พิเศษระหว่างผู้นำ ล้วนตกอยู่ในวังวนของการเอื้อกลุ่มทุนสีเทา และท้าทายอธิปไตยของชาติ
สุดท้ายเมื่อ “ผลประโยชน์ไม่ลงตัว”
💔 ทักษิณ ไม่สามารถผลักดันนโยบายฝั่งไทยได้ตามใจ
💔 ฮุน เซน ไม่สามารถขยับเกมชายแดนได้ตามแผน
จึงเกิด "การหักหลังอย่างเงียบๆ" ก่อนจะนำไปสู่สงครามน้ำลาย ที่ลุกลามเป็นวิกฤตการณ์ระหว่างประเทศ
และนี่คือ จุดจบของยุคเครือข่ายอำนาจ… ที่เคยจับมือกันแน่น แต่สุดท้ายก็ “แทงกันเอง” จนล้มพร้อมกัน
บทความโดย :
ปราชญ์ สามสี (ป.สามสี)