... คำเตือน ... - ใครไม่เชื่อ ไม่ควรอ่านอย่างยิ่ง เพราะโพสต์นี้ มีทั้งข้อเท็จจริง หลักฐาน และพยานถ้าอ่านจบแล้วจะเชื่อแน่นอน ...
ก่อนหน้านี้ ผมโพสต์บ่อยๆว่า ถ้าเรามีลูกมีหลาน เรารักเขา เราอยากให้เขามีอนาคตที่ดี เราต้องไม่เผลอปล่อยให้เขาไปเรียนสายสังคม เพราะ


........ ผลที่ตามมาของการพูดแบบที่พูดในช่วงที่ยังไม่เปิดให้ใครก็ได้แสดงความเห็น ก็สนุกดี อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง มีทั้งคนที่อ้างว่า เป็นอดีตข้าราชการใหญ่ คนที่อ้างว่าเป็นอาจารย์ และคนที่เป็นอาจารย์จริงๆ มาคุยด้วยดีๆ สุภาพๆ ถึงประโยชน์ของวิชาความรู้สายสังคม โอกาสทางอาชีพการงานของสายสังคม ซึ่งยิ่งคุยกัน ผมก็ยิ่งมั่นใจว่า "ผมคิดถูก" แต่ตอนนี้ทั้งสามคนนั้นหายไปแล้ว เพราะเขาคงเบื่อความดื้อด้านของผม ...
ส่วนไอ้พวกที่มุดมาด่า จะไม่กล่าวถึงละกัน ....
หลังจากนั้นซักครึ่งปี ผมได้เปิดให้ใครก็ได้แสดงความเห็น คนมุดเข้ามาคุยด้วยมากขึ้น ( ไม่รู้ว่าทำไม่ไม่คุยในความเห็นที่เปิดแล้ว ) ...
มีคำถามว่า ทำไมเรียนสายสังคมแล้วจะโง่ลงๆ ??? ซึ่งผมตอบทุกคนไปคล้ายๆ กัน ว่า วิชาความรู้สายนี้ แทบทั้งหมดไม่มีถูกหรือผิด การเรียนการสอน รวมถึงการสอบ จะเป็นเรื่องของแนวคิด ความคิด และการให้เหตุผลสนับสนุนความคิด .... ดังนั้น หากตอบคำถาม หรือข้อสอบไม่ตรงใจ ไม่ถูกใจ คนสอน คนเรียนจะมีปัญหา หากจะไม่มีปัญหา คือก็ต้องตอบเอาใจคนสอน ??? ซึ่งการเรียนแบบนี้ "ไม่มีประโยชน์อะไร" และ ไม่ทำให้ผู้ที่เรียนวิชานี้ มีความฉลาดขึ้น มีตรรกะเหตุผลมากขึ้น กลับกัน แต่จะทำให้โง่ลงๆ ...!!!??
ดูเหมือนว่าครึ่งนึงของคนถามจะเข้าใจ แต่อีกครึ่งหนึ่งยังติดใจ
วันนี้ว่าง เลยจะเอาจริงซะที และเพื่อเอาไว้ใช้ ตอบคำถามวันหน้าด้วย
เอาล่ะนะ
การเรียน การสอนวิชาความรูัสายสังคม ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เช่น รัฐศาสตร์ , สังคมศาสตร์ , มนุษยศาสตร์ , ประวัติศาสตร์ และ ศิลปศาสตร์ ถูกครอบงำอย่างรุนแรง (significantly influenced) ด้วยแนวคิด และ ปรัชญาโพสต์โมเดิร์นที่วิปริต วิกลจริต มาตั้งแต่ครึ่งหลังศตวรรษที่แล้ว หรือหลังจากปี 60s โดยเริ่มจากในมหาวิทยาลัยของฝรั่งตะวันตก
คนไทย ที่รับจ้างสอนหนังสือสายนี้ ที่ไปร่ำเรียนมาจากมหาวิทยาลัยฝรั่ง ก็ย่อมได้รับอิทธิพลจากแนวคิดนี้มาสองรุ่นแล้ว รุ่นแรกคายตะขาบให้รุ่นสอง รุ่นสองกำลังคายตะขาบให้รุ่นปัจจุปัน ซึ่งเราก็น่าจะเห็นกันแล้วว่า ผลผลิตปัจจุบันฉลาดปราดเปรื่อง แค่ไหน ติดตะราง หนีตะราง กันอย่างไรบ้าง ???
คราวนี้ เรามาทำความรู้จักกับโพสต์โมเดิร์นที่วิปริต วิกลจริตแบบกระชับๆกัน ....
ตามตำราโพสต์โมเดิร์น เขาบอกว่า "ลัทธิเขา เกิดจากความล้มเหลวของแนวคิดที่ว่า มีความจริงแท้ที่ไม่สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสังคมตะวันตกที่รวดเร็ว และรุนแรง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองได้ ...." (แล้วจะอธิบายไปเพื่ออะไรวะ?) .... จึงได้มีนักปรัชญากลุ่มหนึ่ง เริ่มคิดว่า ที่จริงแล้วโลกของเราไม่มีทั้งความจริงสากล (universal truth) และความจริงที่เป็นจริง (objective truth ที่ตำราไทยแปลว่า "ความจริงเชิงภาวะวิสัย" ( ที่ผมไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อประหลาดๆทำไม)
คราวนี้ เรามาทำความรู้จักกับโพสต์โมเดิร์นที่วิปริต วิกลจริตแบบกระชับๆกัน ....
ตามตำราโพสต์โมเดิร์น เขาบอกว่า "ลัทธิเขา เกิดจากความล้มเหลวของแนวคิดที่ว่า มีความจริงแท้ที่ไม่สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสังคมตะวันตกที่รวดเร็ว และรุนแรง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองได้ ...." (แล้วจะอธิบายไปเพื่ออะไรวะ?) .... จึงได้มีนักปรัชญากลุ่มหนึ่ง เริ่มคิดว่า ที่จริงแล้วโลกของเราไม่มีทั้งความจริงสากล (universal truth) และความจริงที่เป็นจริง (objective truth ที่ตำราไทยแปลว่า "ความจริงเชิงภาวะวิสัย" ( ที่ผมไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อประหลาดๆทำไม)
ความจริงทั้งหลายทั้งปวงเป็นแค่ ความจริงจากมุมมองของแต่ละคน (subjective truth) เช่น แดงกับดำกินหมูกระทะด้วยกัน แดงบอกอร่อย ดำบอกไม่อร่อย คือ แดงและดำถูกทั้งคู่ หรือ แพนเค้กกับพะโล้อ่านข่าวคนขโมยนมไปให้ลูกกิน แพนเค้กบอกการขโมยผิด พะโล้บอกคนจนขโมยจากคนรวยเพราะความจำเป็นไม่ผิด แพนเค้ก และพะโล้ถูกทั้งคู่ ... !!??
เริ่มเห็นความวิปริต ความวิกลจริตละยังครับ? ถ้ายังไม่ชัด รอแพร๊บ
ลัทธิโพสต์โมเดิร์นเขาอวยว่า ปรัชญาของเขาเนี่ย มันไม่ได้มีกำเนิดจากคนๆ เดียว แต่มีนักปรัชญาชั้นครูหลายๆ คนช่วยกันคิด ประดิษฐ์ประดอย ตัวพ่อเลยก็ได้แก่ ....
Michel Foucault ผู้ที่ประกาศว่า โรงเรียนทำหน้าที่ทางสังคม ไม่ต่างจากคุก หรือโรงพยาบาลบ้า ที่จะ ตั้งกติกา แยกนักเรียนเป็นกลุ่มๆ ควบคุม และบังคับผู้คน (Schools serve the same social functions as prisons and mental institutions to define, classify , control and regulate people )



ผมคงไม่ต้องอธิบายขยายความว่า ศาสดาตัวแรก ของลัทธิโพสต์โมเดิร์น มันวิกลจริตยังไง เพราะชัดเจนจากคำพูดของมันเองแล้ว แต่อยากเสริมว่า แนวคิดตํ่าทราม ตํ่าตม เรื่องโรงเรียนของมันคือ สารตั้งต้นของการต่อต้านสิ่งต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของโรงเรียน เช่น กฏ ระเบียบ เครื่องแบบ ทรงผม ฯลฯ .... ที่ไอ้พวกสามกีบในบ้านเรา ก๊อปมาทั้งดุ้น เพราะพวกมันโง่ คิดอะไรเองไม่เป็น !!!
ไอ้ตัวที่สอง ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ไอ้พวกหน้าโง่ คิดประดิษฐ์วาทกรรมโง่ๆ ลิเกๆ อย่าง ไม่มีใครเขารบกันแล้ว หรือ กงล้อแห่งกาลเวลา หรือ ขอให้อายุยืนเพียงพอที่จะเห็นความพยายามล่มสลายไม่มีชิ้นดี
ส่วนไอ้ตัวที่สาม นี่ไม่ได้วิกลจริตอย่างเดียว แต่โง่ด้วย (จริงๆแล้วโง่ทุกตัวแหละ) ที่กล้าประกอบว่า ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป็นแค่วาทกรรม เพราะคนที่ไม่วิกลจริต ไม่โง่เป็นควาย ย่อมต้องรู้ว่า แรงโน้มถ่วง ตารางสูตรคูณ ปฏิกิริยาโพลีเมอร์ไรเซชั่น สัญญาณ 5G และอื่นๆอีกมากมาย ไม่ได้เป็นแค่วาทกรรม แต่เป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ หักล้างไม่ได้ สามารถทำซํ้าๆได้ !!!!
ลองคิดดูแล้วกันว่า หากศาสดาโง่ ขนาดนี้ วิปริต วิกลจริตขนาดนี้ แล้วบรรดาสาวกจะเป็นยังไง ?
ลองคิดดูแล้วกันว่า หากศาสดาโง่ ขนาดนี้ วิปริต วิกลจริตขนาดนี้ แล้วบรรดาสาวกจะเป็นยังไง ?
หมายเหตุ - ไม่มีบันทึกว่าไอ้ 3 ตัวที่ว่านี่เคยลอกเพื่อนตอนสอบ แล้วยังสอบตกหรือไม่ ?
คราวนี้ เรามาดูเนื้อหาสาระหลักของคัมภีร์โพสต์โมเดิร์นกัน ....
สิ่งแรกเลย สาวก หรือผู้ที่ต้องการเป็นสาวก หรือผู้ที่ต้องการเรียนสายสังคม ที่ถูกครอบงำด้วยลัทธินี้จะต้องปฏิเสธความคิด ความเชื่อ คำสอนสำคัญๆ ที่มีมาก่อนลัทธิวิปริตนี้ เช่น ...
".... ศาสนา , กฏหมาย กฏระเบียบของสังคม ความดีชั่วถูกผิด หรือภาษาที่เขาใช้สอนกัน คือ ปฏิเสธแนวคิดแบบโครงสร้างนิยม หรือ rejection of grand narrative เพื่อจะได้เกิดภาวะดวงตาเห็นธรรม มิฉะนั้นจะเรียนต่อไปไม่ได้ !!! ...."
จากนั้น ต้องปฎิเสธความเป็นจริง และข้อเท็จจริงทั้งหลาย ทั้งแบบ ความเป็นจริงสากล เช่น ถ้าพ่อแม่ไม่เลี้ยงลูก ลูกตายแหงแก๋ หรือ มนุษย์เรามีทั้งดีและชั่ว ใครชั่วก็ไม่มีคุณค่าต่อสังคม ไม่สมควรได้รับการปกป้องคุ้มครอง ฯลฯ และยอมรับว่า ความจริงขึ้นกับมุมมองของแต่ละคน เช่น พ่อแม่ไม่มีบุญคุณเพราะลูกไม่ได้ร้องขอมาเกิด , โจรก่อการร้าย , คนค้ายาเสพติด ก็ต้องมีสิทธิมนุษยชนทั้งที่ตนเองละเมิดสิทธิของคนอื่นมากมาย ....
จากนั้น ก็ต้องตั้งคำถามกับทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น ทำไมนักเรียนต้องเชื่อฟังครู ? ทำไมลูกจ้างถึงได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าเถ้าแก่? ทำยังไงคนขับแกร๊บ ถึงจะมีรายได้เท่ากับเมสซี่ และอื่นๆ .... อีกมากมาย
ผมมั่นใจว่าแต่สามข้อแรกนี้ พวกเราน่าจะเห็นด้วยแล้วว่า
ลัทธิโพสต์โมเดิร์นทั้งโง่เง่า ทั้งวิปริตและวิกลจริต ดังนั้น ...

ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังอยากเรียนสายสังคม อยากให้ลูกหลานเรียนสายสังคม ก็ตามสบายเลยครับ ....
แล้วก็ไม่จำเป็นต้องบอกผมด้วย เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งกับตัวคุณและตัวผม....
ส่วนใครที่อยากจะบอกผมว่า ผม/หนูก็เรียนนั่น หรือเรียนนี่มา ผม/หนูก็ไม่ได้โง่นะ ก็ตามสบายเช่นกันครับ ผมห้ามไม่ได้ แต่ผมตอบตรงนี้ละกันว่า ผมไม่ได้บอกว่าใครโง่ ผมบอกชัดๆ ว่า อย่าให้ไปเรียน หมายถึง อย่าให้ไปเรียนตอนนี้ ปัจจุบันนี้ ....
บทความโดย : Sompob Pordi