วันนี้ ...มีนิทานการบูลลี่ ในโรงเรียนมาเล่าสู่กันฟัง นิดหน่อยครับ !! เป็นเรื่องเกี่ยวกับ เด็กชายไท ซึ่งครอบครัวมีฐานะพอสมควร แต่ชีวิตของ ด.ช.ไท ที่โรงเรียน บางที ก็มีความลำบากอยู่บ้าง ... เพราะ
วันนี้ ...มีนิทานการบูลลี่ ในโรงเรียนมาเล่าสู่กันฟัง นิดหน่อยครับ !! เป็นเรื่องเกี่ยวกับ เด็กชายไท ซึ่งครอบครัวมีฐานะพอสมควร แต่ชีวิตของ ด.ช.ไท ที่โรงเรียน บางที ก็มีความลำบากอยู่บ้าง ... เพราะโดน เด็กชายวี เพื่อนในห้อง รังแกและไถเงินอยู่บ่อยๆ ....
วันหนึ่ง ด.ช.แซม จำเป็นต้องย้ายโรงเรียน ด.ช.วี จึงได้โอกาสรังแก ด.ช.ไท โชคยังดีที่ ก่อนหน้านี้ ด.ช.ไท ไปฟิตซ้อมเชิงมวยมาบ้างแล้ว จึงพอจะสู้ ได้
ต่อมา ด.ช.ไท สืบรู้มาว่า ด.ช.วี แอบไปซื้อสนับมือ มา และกำลังวางแผนเตรียมหาโอกาสรังแก ด.ช.ไท อีกครั้ง .... ด.ช.ไทเลย เจียดเงินส่วนนึง ไปซื้อกระบองแบบยืด เตรียมเผื่อไว้โดยไม่ให้ ด.ช.วี รู้ .... พอ ด.ช.วีมาหาเรื่องอีก ด.ช.ไท ก็พยายามพูดดีๆ ด้วยก่อน แต่พอไม่สำเร็จ ก็ต่อยกัน ด.ช.วีเปิดก่อน ใส่สนับมือต่อยเข้ามา ด.ช.ไท จึงสวนกระบองไปหนึ่งครั้ง ทำให้ ด.ช.วี ถอยไป ไม่กล้าหาเรื่องต่อ ....
นับแต่นั้นมา .... ด.ช.ไท ก็เข้าใจแล้วว่า ถ้าต้องการอยู่อย่างสงบ ก็ต้องแข็งแกร่ง เพื่อให้คน ที่จะมารังแกต้องคิดหนักๆ ก่อนจะลงมือ และถ้าอีกฝ่ายลงมือ ด.ช.ไท ก็ต้องมั่นใจด้วยว่า ตัวเองต้องมีดีพอ ที่จะป้องกันตัวเองได้ ...
ถ้าเปลี่ยนจากเรื่องคนเป็นประเทศชาติ ล่ะ ?
การทะเลาะเบาะแว้งกัน การใช้กำลัง และการเจรจาต่อรอง ในระดับชาตินั้น
คาร์ล วอน เคลาส์เซวิทส์ นักยุทธศาสตร์ชาวปรัสเซีย เคยกล่าวไว้ว่า ...
“War is nothing but a continuation of politics with the admixture of other means.”
แปลโดยสรุปก็คือ.... “สงครามเป็นเพียงการเมือง ที่ดำเนินต่อไป โดยใช้วิธีการที่แตกต่างกัน”
พูดง่ายๆ คือ คุยกันไม่รู้เรื่องก็ใช้กำลังบังคับกันนั่นเอง ....
ประเทศที่ไม่มีกำลังที่เข้มแข็งเพียงพอ ถ้าไม่โอนอ่อนผ่อนตาม ยอมเสียผลประโยชน์ให้กับประเทศที่มาหาเรื่องและคุกคาม ถ้าไม่ยอมโอกาสเกิดการสู้รบก็สูง ...
การที่ฝ่ายตรงข้าม จะกล้าเปิดฉากการสู้รบก่อนหรือไม่นั้น ... แน่นอน ...เขาจะต้องคำนึงถึงขีดความสามารถของฝ่ายเราก่อน และต้องรู้อย่างแน่ชัดด้วย ....
หากเขารู้แน่ชัด เขาอาจจะเตรียมการวางแผนไว้ล่วงหน้า เมื่อเปิดฉากการโจมตี เขาก็จะชิงทำลายเครื่องมือ ที่สำคัญของฝ่ายเราก่อน เพื่อสร้างความได้เปรียบ ยกตัวอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน
" เมื่อรัสเซียตัดสินใจเปิดสงคราม สิ่งแรกๆ ที่รัสเซียทำ คือ การทำลายระบบการต่อสู้อากาศยานของยูเครน เพื่อเปิดทางให้เครื่องบินรัสเซียเข้าไปโจมตี .... แล้วรัสเซียรู้ได้อย่างไรว่ายูเครนมีระบบเหล่านี้อยู่ที่ไหนอย่างไรบ้าง ?
คำตอบ คือ การเตรียมการทำสงครามนั้น เป็นสิ่งที่ทุกชาติกระทำกัน ทั้งการหาข่าว และการเตรียมพร้อมกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ ....
เมื่อถึงเวลาจำเป็น สิ่งที่เตรียมการไว้ ก็จะถูกนำมาใช้อย่างทันท่วงที !!!
ขีดความสามารถทางทหาร จึงเป็นสิ่งจำเป็นต้องมี และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องปกปิด ดังที่ ซุนวู เคยรจนาไว้ว่า
“การทำสงครามคือวิถีแห่งกุศโลบาย มีขีดความสามารถ พึงแสดงว่าไร้ขีดความสามารถ”
- มีเครื่องมือก็อย่าให้เขารู้ว่าเรามี
- ต่อให้รู้ว่ามีก็อย่าให้คนอื่นรู้ว่าอยู่ที่ไหน มีขีดความสามารถอย่างไรบ้าง
สิ่งที่ปัญญาชนลัทธิมาร์กซ์ หลายท่าน พยายามปลุกปั่นคนในชาติอยู่ในขณะนี้ คือ
"ปัจจุบันไม่มีสงครามแล้ว" หรือ "ทหารมีไว้ทำไม" ? เปล่าประโยชน์ สิ้นเปลืองงบประมาณ ...หรือว่า อาวุธที่จะซื้อต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ ทั้งหมด !!!
สิ่งเหล่านี้ คือ "การบ่อนทำลาย“ อำนาจของรัฐ (State’s Power)” เราเองทั้งสิ้น ... !!!
ประเทศชาติที่เข้มแข็ง ใช้อำนาจของรัฐที่มี เพื่อให้ได้มาและรักษาไว้ ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ (National Interests) ของตน...
..... และ การทหาร คือหนึ่ง ในเครื่องมือ ที่สำคัญ ในการสร้างอำนาจของรัฐ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งเครื่องมือนี้ ไม่สามารถรอ ให้เกิดสงครามแล้วค่อยสร้างได้ สิ่งเหล่านี้ต้องเสริมสร้างตั้งแต่เนิ่นครับ ดังสุภาษิตจีน โบราณที่ว่า
“เลี้ยงทหารพันวันเพื่อใช้งานวันเดียว”
"วันนี้ไฟไม่ไหม้บ้าน ไม่ได้หมายความว่า
ไฟจะไม่ไหม้บ้านตลอดไป"
"วันนี้ยังไม่มีการศึก ก็ไม่ได้หมายความว่า
จะไม่ถูกข่มเหงรังแกจากชาติอื่นๆ"
งบประมาณความมั่นคง ไม่ใช่ความสูญเปล่าแต่มันคือความอยู่รอดของประเทศชาติ ครับ
"if you want peace, prepare for war"
Vegetius