ท่านหญิงวิภาฯ ในความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ ผู้ถวายงานในหลวงและแผ่นดิน จนวาระสุดท้าย ... เขียนไว้ในหนังสือ “รอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร” ถึงเรื่องราวของ “หม่อมเจ้าหญิงวิภาวดี รังสิต” (พระยศในขณะนั้น ต่อมาหลังจากสิ้นพระชนม์แล้ว
ท่านหญิงวิภาฯ ในความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ ผู้ถวายงานในหลวงและแผ่นดิน จนวาระสุดท้าย
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตนายตำรวจราชสำนักประจำ และเป็นผู้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไว้วางพระราชหฤทัย จนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง "หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ" ก่อนที่จะออกมาดำรงตำแหน่ง รองอธิบดีกรมตำรวจ เขียนไว้ในหนังสือ “รอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร” ถึงเรื่องราวของ “หม่อมเจ้าหญิงวิภาวดี รังสิต”
*** (พระยศในขณะนั้น ต่อมาหลังจากสิ้นพระชนม์แล้ว ทรงพระกรุณาสถาปนา เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต)
ในหนังสือเล่มนี้ พล.ต.อ.วสิษฐ ใช้ถ้อยคำเรียกว่า “ท่านหญิงวิภาฯ” ซึ่งได้มีโอกาสตามเสด็จถวายความปลอดภัยแด่ท่านหญิงวิภาฯ ด้วย ตอนหนึ่ง พล.ต.อ.วสิษฐ เล่าว่า ...
ในเช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2520 ขณะที่เสด็จไปทรงเยี่ยมประชาชน และเจ้าหน้าที่ ดังที่ได้ทรงปฏิบัติมาเป็นเวลาแรมปี และเฮลิคอปเตอร์ของกรมตำรวจ ที่ประทับกำลังบินอยู่เหนือ เขตอำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี .... เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า ข้างล่าง มีการปะทะต่อสู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่ และผู้ก่อการร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนสองนายต้องกับระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ...
ขณะนั้น ในเครื่องบินนอกจากผู้ตามเสด็จอื่นๆ แล้ว ก็มีพระมหาวีระ และครูบาธรรมไชย โดยเสด็จอยู่ด้วย ท่านหญิงฯ จึงรับสั่งให้นักบินนำพระภิกษุทั้งสองรูปไปส่ง และให้คอยอยู่ที่ วัดบ้านส้อง ส่วนพระองค์เองเสด็จไปกับเฮลิคอปเตอร์ เพื่อรับผู้ได้รับบาดเจ็บ ไปส่งโรงพยาบาล ..
ขณะที่เครื่องบิน กำลังร่อนลง นั้นเอง ผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงเครื่องบินอย่างหนาแน่น กระสุนปืนทะลุเฮลิคอปเตอร์เข้าไป นัดหนึ่งถูกท่านหญิงเป็นแผลฉกรรจ์ เฮลิคอปเตอร์ชำรุด บินต่อไปไม่ได้ ... !!! นักบินต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่สนามหน้าโรงเรียนวัดบ้านส้อง ระหว่างทาง ขณะที่เฮลิคอปเตอร์อีกเครื่องหนึ่งกำลังเชิญเสด็จท่านหญิงไปยังโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีนั้นเอง ท่านหญิงก็สิ้นพระชนม์ ....
ในเช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2520 ขณะที่เสด็จไปทรงเยี่ยมประชาชน และเจ้าหน้าที่ ดังที่ได้ทรงปฏิบัติมาเป็นเวลาแรมปี และเฮลิคอปเตอร์ของกรมตำรวจ ที่ประทับกำลังบินอยู่เหนือ เขตอำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี .... เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า ข้างล่าง มีการปะทะต่อสู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่ และผู้ก่อการร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนสองนายต้องกับระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ...
ขณะนั้น ในเครื่องบินนอกจากผู้ตามเสด็จอื่นๆ แล้ว ก็มีพระมหาวีระ และครูบาธรรมไชย โดยเสด็จอยู่ด้วย ท่านหญิงฯ จึงรับสั่งให้นักบินนำพระภิกษุทั้งสองรูปไปส่ง และให้คอยอยู่ที่ วัดบ้านส้อง ส่วนพระองค์เองเสด็จไปกับเฮลิคอปเตอร์ เพื่อรับผู้ได้รับบาดเจ็บ ไปส่งโรงพยาบาล ..
ขณะที่เครื่องบิน กำลังร่อนลง นั้นเอง ผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงเครื่องบินอย่างหนาแน่น กระสุนปืนทะลุเฮลิคอปเตอร์เข้าไป นัดหนึ่งถูกท่านหญิงเป็นแผลฉกรรจ์ เฮลิคอปเตอร์ชำรุด บินต่อไปไม่ได้ ... !!! นักบินต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่สนามหน้าโรงเรียนวัดบ้านส้อง ระหว่างทาง ขณะที่เฮลิคอปเตอร์อีกเครื่องหนึ่งกำลังเชิญเสด็จท่านหญิงไปยังโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีนั้นเอง ท่านหญิงก็สิ้นพระชนม์ ....
"ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนสิ้นพระชนม์ ท่านหญิงทรงมีพระสติ ตรัสขอให้พระมหาวีระ และครูบาธรรมไชย กราบถวายบังคมลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) แทน ทรง “ขอพระนิพพาน” และตรัสเป็นประโยคสุดท้ายว่า .... ทรงเห็นนิพพานแล้ว พระนิพพานที่ท่านหญิงทอดพระเนตรเห็นนั้น สวย งดงาม และ “แจ่มใสเหลือเกิน”
.... แล้วเมืองไทยก็สิ้นเจ้านายพระราชวงศ์จักรี ที่ทรงรักคนไทยและเมืองไทยยิ่งกว่าพระองค์เองไปอีกองค์หนึ่ง
ขณะที่ท่านหญิง ต้องกระสุนปืนสิ้นพระชนม์นั้น ผมกำลังปฏิบัติหน้าที่ อยู่ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ที่เชียงใหม่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทูลกระหม่อมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จไปทรงรับพระศพของท่านหญิง ที่ท่าอากาศยาน ในตอนเย็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2520 อันเป็นวันสิ้นพระชนม์นั่นเอง
ผมได้ตามเสด็จทูลกระหม่อมไปด้วย .... รุ่งขึ้น วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จฯ จึงเสด็จจากเชียงใหม่กลับไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลพระราชทานพระศพท่านผู้หญิงที่พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตร
วันนั้น.... ผมได้มีโอกาสเห็นท่านหญิงเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเข้าไปถวายน้ำสรงพระศพ ก่อนหน้านั้นเคยเห็นความตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่น้อยครั้งที่ผมเสียน้ำตาให้แก่ผู้ตาย วันนั้นผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ และต้องร้องไห้ออกมาทั้งๆที่รู้ว่ากำลังอยู่หน้าที่ประทับของพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จฯ พวงมาลาดอกไม้สดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่9) ที่ทรงวางไว้หน้าพระศพของท่านหญิงนั้น มีข้อความตอนหนึ่ง จากเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” จารึกไว้ดังนี้
“จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิดจะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผงจะยอมตายหมายให้เกียรติดำรงจะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา”
“ทิวาวารผ่านมาเยือนหล้าโลกพร้อมความโศกสลดให้ฤทัยหายอริราชพิฆาตร่างท่านวางวายแสนเสียดายชีพกล้าวิภาวดี”
งานพระราชทานเพลิงพระศพท่านหญิงมีขึ้น ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2520 ในวันนั้นได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาท่านผู้หญิงเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และ พระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์ กับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือกชั้นที่1 ประถมาภรณ์ช้างเผือกแก่ท่านหญิงด้วย
เรียบเรียงโดย : X / 4th Army Area_กองทัพภาคที่ 4 @Army4PR
ข้อควรรู้ ::: เพิ่มเติม
- ชื่อถนนวิภาวดีรังสิต
การตั้งชื่อถนนตามพระนามของ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต” มิใช่ตั้งเพื่อความเป็นเจ้าของแต่ประการได้ หากแต่ตั้งชื่อว่า “ถนนวิภาวดีรังสิต” เพื่อรำลึกถึงพระองค์ และเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดีของพระองค์ท่านที่ทรงกล้าหาญ เสียสละ และจงรักภักดี
- มิใช่การลอบสังหาร"
... และ ....
เหตุการณ์การสิ้นพระชนม์ครั้งนั้น ไม่ใช่ฝีมือของชาวบ้านประชาชนทั่วไป แต่เป็นผู้ก่อการร้ายที่ได้ระดมยิงเฮลิคอปเตอร์ จนเป็นเหตุให้ท้ายที่สุดพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต สิ้นพระชนม์ (ผู้ก่อการร้ายที่ต่อสู้กับตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) )
- ไม่ได้สิ้นพระชนม์ จาก เครื่องบินตก จากการระดมยิง
หนังสือเก่า น่าสะสม เรื่อง วิภาวดีรังสิตรำลึก
เนื้อหาที่ได้รวบรวมไว้ในหนังสืออนุสรณ์ 20 ปี
วิภาวดีรังสิตรำลึก นอกจากพระประวัติและภาพประกอบแล้ว เนื้อหาที่ได้รวบรวมไว้ในหนังสืออนุสรณ์ 20 ปี วิภาวดีรังสิต นี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยบทความต่าง ๆ ซึ่งพระองค์หญิงทรงนิพนธ์เอง และบทความที่เขียนถึงท่านและเคยลงพิมพ์ในนิตยสารต่าง ๆ เพียงครั้งเดียว พร้อมภาพถ่ายส่วนพระองค์หาชมยากจำนวนมาก