ขอออกความเห็น เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้หน่อย
อย่างน้อย ก็พูดในนามของคนที่มีอายุมาเกินครึ่งร้อย ได้รับการศึกษาไม่น้อยหน้าท่านว่าที่นายกฯ และมีประสบการณ์ ในการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ ที่พวกเรามักจะคิดกันเสมอว่าเจริญและเลิศเลอ ทั้งประเทศอเมริกา ประเทศอังกฤษ หรือ เยอรมนี และได้เดินทางไปเห็นบ้านเมืองมาเกือบทุกมุมของโลก ได้พบได้เห็นประเทศที่ยากจนและผ่านสงครามการเมืองมาก็หลายแห่ง รู้จักวัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรมโลกมาไม่น้อยกว่าว่าที่รัฐมนตรีศึกษา และรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลตัวตึงด้อมส้ม ด้อมสตอเบอรี่ ...
อย่างน้อย ก็พูดในนามของคนที่มีอายุมาเกินครึ่งร้อย ได้รับการศึกษาไม่น้อยหน้าท่านว่าที่นายกฯ และมีประสบการณ์ ในการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ ที่พวกเรามักจะคิดกันเสมอว่าเจริญและเลิศเลอ ทั้งประเทศอเมริกา ประเทศอังกฤษ หรือ เยอรมนี และได้เดินทางไปเห็นบ้านเมืองมาเกือบทุกมุมของโลก ได้พบได้เห็นประเทศที่ยากจนและผ่านสงครามการเมืองมาก็หลายแห่ง รู้จักวัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรมโลกมาไม่น้อยกว่าว่าที่รัฐมนตรีศึกษา และรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลตัวตึงด้อมส้ม ด้อมสตอเบอรี่ ...
แล้ว... ทำไม ผมถึงคิดว่า นโยบายของ รัฐบาลใกล้กาว ( พรรคก้าวไกล ) เป็นอันตรายกับประเทศไทย และสุ่มเสี่ยงที่นำพาให้ประเทศไทยกลายเป็นสังคมแบบ "ดิสโทเปีย" [ Dystopia] มากกว่า "ยูโทเปีย" ที่เขาพยายาม "โฆษณาชวนเชื่อ"
หากพิจารณานโยบาย ๔ ด้านของกลุ่มนี้ จะพบว่าเป็นนโยบายที่น่ากลัว และอันตรายกว่าที่คิด ดังนี้
๑. นโยบายทางการเมืองและสังคม
“เลือกก้าวไกล ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม”
อันนี้เป็นนโยบายที่เขาใช้หาเสียงเป็นหลัก และถูกใจกลุ่มชนที่ต้องการจะ “รื้อสร้าง” ระบอบการปกครองของไทย พูดกันชัดๆ จุดมุ่งหมายในที่สุด คือ
"การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากราชอาณาจักรไทย เป็นแบบสาธารณรัฐสังคมนิยม" (อาจจะมีคำว่าประชาธิปไตยอยู่ในวงเล็บ )
โดยวิธีการล้มล้างสถาบัน ที่เขาคิดว่าเป็นอุปสรรคกับการเปลี่ยนแปลง อันได้แก่
สถาบันกษัตริย์ , วุฒิสภา , ศาลรัฐธรรมนูญ และ ทหาร โดยอ้างว่า ต้องการให้มีความเท่าเทียมเสมอภาค ?? แต่แท้จริงแล้ว คือ อยากให้พวกกลุ่มของตน มีอำนาจขึ้นมาแทน ไม่ต่างอะไรกับการดำเนินการของ กลุ่มคณะราษฎร ปี ๒๔๗๕ ซึ่งแสดงให้เห็นมาแล้วว่า ล้มเหลวมาตลอด ๙๐ ปี
น่าแปลกใจว่า ทำไม ? ไม่มีการพูดถึงการปฏิรูปโครงสร้างของตำรวจ ทั้งที่จริงๆแล้วที่ผ่านมา สถาบันตำรวจ ได้สร้างปัญหาให้กับสังคมมากกว่า กองทัพมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อคราวที่รัฐบาลทักษิณขึ้นมามีอำนาจ ...
๒. นโยบายทางเศรษฐกิจ
อันนี้ก็ชัด ... คือ ต้องการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจ แบบทุนนิยมผูกขาด (? มันคือระบบเศรษฐกิจแบบอเมริกา ที่คุณเชิดชูนะครับ ) ไปเป็น สังคมนิยมประชาธิปไตย ( ซึ่งอีกนิดเดียวก็เป็นแบบ คอมมิวนิสต์ และ oligarch แบบรัสเซียแล้ว )
เมื่อยิ่งฟัง ว่าที่ รัฐมนตรีคลัง ( ศิริกัญญา ตันสกุล ) ออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว ยิ่งชัดเลยว่า เธอคิดจะใช้แต่ทฤษฎีที่เชื่อ โดยไม่เข้าใจระบบเศรษฐกิจทั้งมหภาคจุลภาคอะไรเลย !!?? คิดแต่เพียงว่า จะลดจำนวนคนรวยลง และลดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยโดยเอาเงินของคนรวย คนสูงวัยที่ทำงาน และจ่ายภาษีมาทั้งชีวิต มาใช้แจกคนจน แนวประชานิยม (แต่เรียกว่าสวัสดิการรัฐ) โดยที่ไม่ได้ส่งเสริมการหารายได้ และโอกาสให้กับคนชั้นกลางและวัยทำงาน ซึ่งต้องเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของรัฐ แต่กลับเอาผลประโยชน์เล็กน้อยที่จะแจกมาล่อหลอกคนในกลุ่มนี้ เพื่อให้มาเป็นฐานเสียง ของตัวเอง
ความไม่รู้ และไม่มีประสบการณ์ของคนในพรรคนี้ ทำให้ดูด้อยในสายตาของนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ แต่ก็ใช้ฐานเสียงพวก ส้มเน่าออกมาปกป้อง และโจมตีคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของตน ( ศัพท์โซเชียล เรียกการกระทำนี้ว่า "ทัวร์ลง" )
๓. นโยบายด้านการศึกษาและวัฒนธรรม
ตรงนี้ก็ใช้โมเดลของ ยุวชนแดง สมัยเหมา แต่คราวนี้มาใช้ “ยุวชนสามกีบทะลุฟ้าทะลุเหว” มาเป็นหน่วยปฏิบัติการ
มีการสร้างวาทะกรรม การถูกกดทับ ระบบชนชั้น ในโรงเรียน อำนาจนิยม สิทธิมนุษยชน เท่าเทียม แต่ ...ไม่เน้นเรื่อง ระเบียบวินัย จริยธรรม และการบำเพ็ญประโยชน์ แต่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยการ ด่าทอ ก้าวร้าว รุนแรง จนจะสร้างให้กลายเป็นสังคมแบบ “อานารยชน” ในที่สุด....
๔. นโยบายด้านต่างประเทศ
ถือเป็น นโยบายด้านที่ ด้อย และน่าเป็นห่วงที่สุดของรัฐบาล ใกล้กาว ( ก้าวไกล )
ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา วางตัวได้อย่างเหมาะสม และสง่างามในเวทีโลกมาตลอด .... ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชาวไทยทุกคน ควรจะภาคภูมิใจ และช่วยกันดำรงสถานะ (status quo) ตรงนี้ไว้ตลอดไป ... การออกมาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า เราจะเลือกข้างยืนอยู่ฝั่งอเมริกาและยุโรป โดยไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระดับภูมิภาค และโลกนั้น เป็นความเขลาอย่างที่ไม่ควรให้อภัยเลย
บทเรียน ก็มีให้เห็นทั่วไปในส่วนอื่นๆของโลกมากมายทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน เช่น ในเวียดนาม , เกาหลี , ตะวันออกกลาง หรือยูเครน ราคาที่ต้องจ่าย มันไม่คุ้มกับความเท่ ที่พวกคุณคิดว่ามันเป็นหรอก
การได้พูดภาษาอังกฤษ อยู่บนเวทีโลก มันไม่ได้ทำให้ฝรั่งพวกนี้ มองเห็นเราเป็นพวกเดียวกับเขาหรอก
บทเรียน ก็มีให้เห็นทั่วไปในส่วนอื่นๆของโลกมากมายทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน เช่น ในเวียดนาม , เกาหลี , ตะวันออกกลาง หรือยูเครน ราคาที่ต้องจ่าย มันไม่คุ้มกับความเท่ ที่พวกคุณคิดว่ามันเป็นหรอก
การได้พูดภาษาอังกฤษ อยู่บนเวทีโลก มันไม่ได้ทำให้ฝรั่งพวกนี้ มองเห็นเราเป็นพวกเดียวกับเขาหรอก
โลกในยุคปัจจุบัน ไม่ควรถูกแบ่งแยกเป็น ๒ ขั้ว เช่นในสมัยสงครามเย็น อีกต่อไป เราควรภูมิใจในความเป็นเอกราช ความเป็นไทย ความเป็นมิตรที่ดีกับทุกคน (ทุกประเทศ) และ วัฒนธรรมอันงดงามหลากหลายของเรา และภูมิภาคอาเซียน อยู่กันอย่างสงบไม่ดีกว่าหรือ ?
ข้อเขียน โดย : นพ.ธัญญพงษ์ ณ นคร
- ดิสโทเปีย (อังกฤษ: dystopia; มีชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ cacotopia ) โดย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- กองกำลังยุวชนพิทักษ์แดง (เรดการ์ด-Red Guard) คืออะไร ?
https://www.misc.today/2020/09/RedGuard.html
หนังสือแนะนำ >> สั่งซื้อ
นวนิยายแนวดิสโทเปียมักสื่อถึงโลกที่วุ่นวายโกลาหล เป็นอนาคตที่แย่กว่าในปัจจุบัน (ไม่ว่าจะในความหมายหรือรูปแบบใด) ซึ่งทำให้ผู้อ่านติดอยู่ระหว่างความรู้สึกสองอย่าง คือ อยากรู้อยากเห็น เป็นการหนีออกจากโลกแห่งความเป็นจริงชั่วขณะ (เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องมัก 'ยัง' ไม่เกิดขึ้นจริง) กระหายที่จะเรียนรู้บางอย่างจากมัน แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องราวในนวนิยายก็สร้างความรู้สึกรบกวนจิตใจ (เพราะลึกๆ แล้วเราก็ทราบว่าเรื่องเหล่านี้ ‘มีโอกาส’ เกิดขึ้น)