อยากบอกว่าทำไมถึงเลือกพรรคนี้คนนี้ > ก็บอก และ ..บอกด้วยเหตุผล แต่...ไม่จำเป็นต้องไปเหยียด หรือสนับสนุนผู้สมัครด้วยรูปร่างหน้าตา อายุ เพศ รสนิยมทางเพศ หรือการศึกษา รวมทั้งความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ และสังขารที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา ที่ไม่ใช่สาระสำคัญในความสามารถในการบริหารประเทศ ... แต่ให้พูดถึงความรู้โดยรวม ความสามารถ การกระทำ ประสบการณ์ ผลงานที่เคยทำ และที่สำคัญนโยบายต่าง ๆ ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเขาได้ทำอะไรมา และจะเข้าไปทำอะไร ....
นโยบายคือสิ่งสำคัญ หากทำได้ ลองอ่านหรือเปิดใจรับฟังการให้สัมภาษณ์เรื่องนโยบายของแต่ละพรรค ไม่ต้องไปดูหรอกดีเบต ตรงนั้นใครนิ่งกว่าชนะ ชนะแต่ภาพ แต่ไม่ได้หมายความว่านโยบายจะดี ดูเต็มๆกันที่เวลาออกสื่อแล้วพูดถึงนโยบายโดยละเอียด ดูถึงความเป็นไปได้ของนโยบายนั้น ๆ ..
นโยบายอะไรที่เกินจริง เป็นไปไม่ได้หรอก ลดราคาน้ำมันทันทีสิบกว่าบาท จะลดค่าไฟฟ้าฐานทันทีบาทสองบาท หรือระงับค่าเอฟทีทันทีสามเดือน รถไฟฟ้ายี่สิบบาทตลอดสาย ทำไม่ได้แน่นอน ....เพราะ.... มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลฝ่ายเดียว และยังผูกพันับสัญญาและกฎหมายมากมาย บางอย่างอาจทำได้ แต่ก็จะทำได้แค่ไม่กี่เดือน อย่างเช่น ราคาน้ำมัน ตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เข้ามา ก็ทำได้จริงแค่ไม่กี่เดือน หลังจากนั้น มันก็กลับมาราคาเท่าเดิม และสูงกว่าเดิม ขณะที่กองทุนน้ำมันแทบพังทลาย !!!
หลายนโยบาย เขาก็ทำกันอยู่ เพียงแต่อาจยังไม่ใช่ในวงกว้าง .... อย่างเลือกผู้ว่าเหมือนกทม ก็ต้องรู้ด้วยว่าตำแหน่ง ผู้ว่ากทม. จริง ๆ มันก็คือ ตำแหน่งนายกเทศมนตรี ก็ที่ตำแหน่งเดียวกับที่จังหวัดอืนได้เลือก นายก อบจ. นั่นล่ะ ตรงนี้ถ้าบอกว่ามันซ้ำซ้อนกับผู้ว่าในเรื่องขอบข่ายงาน ยังพอว่า ...แล้วจะปรับยังไง ? ยังพอเข้าใจได้ ทำได้คือ ลดขนาดข้าราชการลงได้ด้วย
ลดขนาดกองทัพ ปรับปรุงสวัสดิการกองทัพ แล้วทุกวันนี้เขาก็ทำกันอยู่ สมัครใจสมัครทหาร เขาก็ทำกันอยู่นะ ผ้าอนามัยฟรี หลายพื้นที่การศึกษา เขาก็มีทำกัน แม้ยังไม่ใช่ทั่วประเทศ แม้ยังเป็นเรื่องต้องถกเถียง โลกนี้ตอนนี้มีกี่ประเทศ ? ที่แจกผ้าอนามัยฟรี นับหนึ่งยังไม่ถึงห้าเลย .... วัคซีนมะเร็งปากมดลูกรัฐบาลเขามีฉีดฟรีมาตั้งแต่ปี 2558 ร่วมกับศึกษาธิการไปฉีดในสถานศึกษา วัคซีนคอตีบบาดทะยัก , ถุงยางอนามัย , ตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนอื่นตามข่วงอายุ เราตรวจสอบได้ในกระเป๋าสุขภาพภายในแอปเป๋าตังค์ ...
นโยบายที่ฟังดูดี เงินดิจิทัลลอยมาจากฟ้าหนึ่งหมื่น เติมเงินให้ทุกครอบครัวมีรายได้สองหมื่นบาท ไปได้ตลอด แจกทุกสิ่งแจกทุกอย่าง คิดเอาเอง ว่ามันจะทำได้จริงไหม ? ทำแล้วประเทศจะเสียหายอย่างไร ? ว่ารัฐบาลนี้ทำหนี้สาธารณะพุ่ง ทั้งที่เขากู้มาลงทุนเพื่ออนาคตที่มีการวางแผนงานอย่างเป็นระบบ แต่ก็ยังจะกู้มาเพิ่ม กู้มาแจก ไม่มีแผนพัฒนาทักษะแรงงาน ไม่ใช่การกู้มาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
เปรียบเสมือน ระหว่าง...
หนึ่ง.. เอาเงินให้ลูกไปสำมะเลเทเมา ... กับ
สอง... เอาเงินให้ลูกไปใช้เพื่อประโยชน์ในการศึกษา
อยากให้ลูกเอาเงินไปใช้เพื่อการไหน ? ...
หรือ
เปรียบกับ คนสองคน ....
เปรียบเสมือน ระหว่าง...
หนึ่ง.. เอาเงินให้ลูกไปสำมะเลเทเมา ... กับ
สอง... เอาเงินให้ลูกไปใช้เพื่อประโยชน์ในการศึกษา
อยากให้ลูกเอาเงินไปใช้เพื่อการไหน ? ...
หรือ
เปรียบกับ คนสองคน ....
คนหนึ่ง อยากสอบให้ได้คะแนนดี มีชื่อติดผลการสอบคัดเลือก ยอมอุตสาหะทุ่มเทเล่าเรียน อดหลับอดนอน กินไวอาบน้ำไว เพื่อมีเวลามาอ่านหนังสือมากขึ้น
คนสอง เดี๋ยวเที่ยวเดี๋ยวพัก เดี๋ยวกินข้าวสามชั่วโมง สลับกับเล่นเกมส์ แล้วค่อยมาอ่านหนังสือ
โดยคนทั้งสอง บอกอยากสอบติดเหมือนกัน
โดยคนทั้งสอง บอกอยากสอบติดเหมือนกัน
ถ้าสองคนนี้มีปัญหาเรื่องการเงิน ... คุณเลือกให้ยืมช่วยเหลือได้ เพียงหนึ่งคน คุณจะเลือกช่วยใคร ??
โลกแห่งความฝัน
คือเงินตกลงมาจากฟ้า แล้วทุกคนเป็นง่อย ทำอะไรไม่เป็น ไม่ต้องพัฒนาตัวเอง เพราะเป็นง่อยก็มีเงินมาให้ใช้
โลกแห่งความจริง
อยากได้อยากมี ต้องทำ อยากเปลี่ยนชีวิต ต้องเปลี่ยนตัวเอง อยากพัฒนา ก็ต้องใฝ่รู้เร่งศึกษา
คำถาม คือ คุณอยากอยู่ในโลกแห่งความฝัน แล้วนั่งแบมือขอเงินเหมือนขอทานที่มีสองมือสองขา หรือว่า คุณรู้ว่าคุณต้องอยู่ในโลกของความจริง ที่ทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยอุปสรรคที่แตกต่าง และมีคนคอยให้ความรู้พัฒนาทักษะของคุณให้เข้มแข็งเตรียมพร้อมในการต่อสู้แข่งขันนั้น
รู้ล่ะ ...ว่าใคร ๆ ก็มีฝัน อยากสบาย อยากมีเงินใช้ แต่ถ้าว่าอยากได้แบบแรก ก็คงต้องไปรับเบี้ยยังชีพคนพิการ แล้วก็ต้องละอายแก่ใจเมื่อเห็นคนพิการดิ้นรนทำงานหาเลี้ยงชีพด้วย แต่โลกของความจริง คือในข้อจำกัดเดียวกัน คนอื่นทำได้ คุณทำไม่ได้ คุณก็จะต้องหันกลับมาพิจารณาตัวเอง
อยากได้อยากมี ต้องทำ อยากเปลี่ยนชีวิต ต้องเปลี่ยนตัวเอง อยากพัฒนา ก็ต้องใฝ่รู้เร่งศึกษา
คำถาม คือ คุณอยากอยู่ในโลกแห่งความฝัน แล้วนั่งแบมือขอเงินเหมือนขอทานที่มีสองมือสองขา หรือว่า คุณรู้ว่าคุณต้องอยู่ในโลกของความจริง ที่ทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยอุปสรรคที่แตกต่าง และมีคนคอยให้ความรู้พัฒนาทักษะของคุณให้เข้มแข็งเตรียมพร้อมในการต่อสู้แข่งขันนั้น
รู้ล่ะ ...ว่าใคร ๆ ก็มีฝัน อยากสบาย อยากมีเงินใช้ แต่ถ้าว่าอยากได้แบบแรก ก็คงต้องไปรับเบี้ยยังชีพคนพิการ แล้วก็ต้องละอายแก่ใจเมื่อเห็นคนพิการดิ้นรนทำงานหาเลี้ยงชีพด้วย แต่โลกของความจริง คือในข้อจำกัดเดียวกัน คนอื่นทำได้ คุณทำไม่ได้ คุณก็จะต้องหันกลับมาพิจารณาตัวเอง
เราอยากให้ตัวเองเป็นแบบไหน ? อยากให้สังคมเราพัฒนาไปทางไหน ? สังคมที่อ่อนแอหรือเข้มแข็ง หาคำตอบด้วยใจของคุณเอง แล้วออกไปเลือกตั้ง .... ไม่ต้องไปถามใครหรอก ว่าจะเลือกใคร เข้าไปในคูหาเขาจะเลือกใคร เราก็ไม่มีใครรู้ เขาบอกเราว่าเขาเลือกพรรคตามใจเรา เราจะรู้ได้ยังไงว่าจริงหรือเท็จ ? และถ้าเรามั่นใจในความคิดของเราดีพอแล้ว เราก็คงไม่ต้องไปยัดเยียดความคิดของตัวเองให้คนอื่นหรอก ...
ผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเล็กเด็กแดง ถ้าอายุเข้าเกณฑ์ จงออกไปเลือกตั้ง ใช้เสียงของคุณให้คุ้มค่า อย่านอนหลับทับสิทธิ อนาคตเป็นของเราทุกคน ไม่ใช่แค่ของคนรุ่นใหม่ คนตายไม่ใช่คนแก่ แต่ว่าคือคนที่อยู่ในโลง
ส่วนผลจะออกมาเป็นยังไง ก็นับเป็นกรรมร่วมกัน เราทุกคนคงทำกรรมร่วมกันมาในจุดใดจุดหนึ่ง เราถึงได้เกิดมาร่วมโลกร่วมยุคสมัยกัน
สวัสดี
บทความโดย : Thakrit Rungreungthanja