KYC ย่อมาจาก Know Your Customer คืออะไร ? ซึ่งถ้าจะแปลกันซื่อๆ เป็นภาษาไทย ก็แปลได้ความว่า “ทำความรู้จักลูกค้าของคุณ” นั่นก็คือ วิธี หรือกระบวนการ พิสูจน์ทราบตัวตน
กระบวนการ KYC คือ การพิสูจน์ตัวตนว่ามีอยู่จริงๆ ไม่ใช่ “ม้า” ในทุกกิจกรรมหรือการทำธุรกรรมบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน ที่มีการ รับเงินจ่ายเงิน นั่นเอง เพื่อป้องกันการทุจริตจากการปลอมแปลงหรือใช้ข้อมูลบุคคลอื่นในการทำธุรกรรม และเพื่อป้องกัน การฟอกเงิน นั่นเอง …
หากจะให้ยกตัวอย่างที่เห็นภาพง่ายๆ เกี่ยวกับการ พิสูจน์ทราบตัวตน ให้เห็นชัดๆ นั่นก็คือ การเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อใช้บริการต่างๆ เช่น ฝากเงิน โอนเงิน ถอนเงิน ออมเงิน ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นแหละ ซึ่งการกระบวนการยืนยันตัวตนมาตรฐาน โดยใช้ “บัตรประจำตัวประชาชน” เป็นส่วนหนึ่งของ KYC แต่….. การยกตัวอย่างนี้ ก็ดูจะเรียบง่ายเกินไป การใช้หลักฐานบัตรประชาชนยืนยันตัวตน ก็มีทำกันมานานแล้ว ทำไมจึงเพิ่งมากำหนดกระบวนการ KYC ใหม่ ให้ยุ่งยากล่ะ ? คำตอบของคำถามนี้ คือ การทำธุรกรรมทางการเงิน ในยุคสมัยปัจจุบัน มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจากยุคสมัยก่อน ที่มีเพียงแค่ เคานท์เตอร์ธนาคาร กับผู้ใช้บริการ เท่านั้น
KYC มีความสำคัญอย่างไร ?
ระบบ KYC (Know Your Customer) จะช่วยป้องกัน และลดการกระทำที่ผิดกฎหมายทางการเงิน อาทิ การคอรัปชัน , ติดสินบน ในหน่วยงาน หรือการฟอกเงิน รวมไปถึงช่วยให้ทั้งตัวเราเอง ผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการทุกคนในระบบนั้นปลอดภัยมากขึ้นด้วย ลองคิดว่าถ้าธนาคารให้ใครก็ได้มาเปิดบัญชีโดยไม่ตรวจสอบ แล้วคนนั้นดันกลายเป็นพ่อค้ายาเสพติด ที่ใช้ชื่อเราเปิดบัญชี ได้ง่ายๆ , ธนาคารก็เสียความเชื่อมั่น แถมเราก็อาจจะต้องถูกจับดำเนินคดี โดยที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลยก็ได้ ดังนั้นถ้าหากผู้ให้บริการไม่มี KYC ที่เข้มแข็ง หรือไม่มีเลย …. เราทุกคนก็คงไม่ไว้วางใจที่จะฝากเงินของเราไว้กับธนาคารนั้น จริงมั้ยครับ ?
ข้อมูลโดย : https://www.bagindesign.com/wtf-paypal-thailand-kyc/
หนังสือ: งานประจำสอนทำธุรกิจ