เมื่อเห็นพระแบกกลด สะพายบริขาร เดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เรามักเรียกกันว่า “พระธุดงค์” และเรียกกิริยาที่ประพฤติเช่นนั้นว่า “เดินธุดงค์” ใช่หรือไม่ ?
-------------------------------------------
เมื่อเห็นพระแบกกลด สะพายบริขาร เดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เรามักเรียกกันว่า “พระธุดงค์” และเรียกกิริยาที่ประพฤติเช่นนั้นว่า “เดินธุดงค์”
คำว่า “ธุดงค์” คำบาลีเป็น “ธุตงฺค” (ทุ-ตัง-คะ) และเป็น “ธูตงฺค” (ทู-ตัง-คะ) ก็มี (ต่างกันที่ ธุ- กับ ธู-) แปลตามศัพท์ว่า “องค์แห่งผู้กำจัด” “องค์เป็นเครื่องขัดเกลาอกุศลธรรม”
ธุดงค์คืออะไร ?
ขอสรุปความจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต มาเสนอดังต่อไปนี้ -
ขอสรุปความจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต มาเสนอดังต่อไปนี้ -
ธุดงค์ หมายถึง องค์คุณเครื่องสลัดหรือกำจัดกิเลส, ข้อปฏิบัติประเภทวัตรที่ผู้สมัครใจจะพึงสมาทานประพฤติได้ เพื่อเป็นอุบายขัดเกลากิเลส ช่วยส่งเสริมความมักน้อยและสันโดษเป็นต้น
(Dhutaŋga: means of shaking off or removing defilements; austere practices; ascetic practices) มี ๑๓ ข้อ คือ
๑. ปังสุกูลิกังคะ (องค์แห่งผู้ถือทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร - refuse-rag-wearer’s practice)
๒. เตจีวริกังคะ (องค์แห่งผู้ถือทรงเพียงไตรจีวรเป็นวัตร - triple-robe-wearer’s practice)
๓. ปิณฑปาติกังคะ (องค์แห่งผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร - alms-food-eater’s practice)
๔. สปทานจาริกังคะ (องค์แห่งผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับเป็นวัตร - house-to-house-seeker’s practice)
๕. เอกาสนิกังคะ (องค์แห่งผู้ถือนั่งฉัน ณ อาสนะเดียวเป็นวัตร คือฉันวันละมื้อเดียว ลุกจากที่แล้วไม่ฉันอีก - one-sessioner’s practice)
๖. ปัตตปิณฑิกังคะ (องค์แห่งผู้ถือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร คือ ไม่ใช้ภาชนะใส่อาหารเกิน ๑ อย่างคือบาตร - bowl-food-eater’s practice)
๗. ขลุปัจฉาภัตติกังคะ (องค์แห่งผู้ถือห้ามภัตที่ถวายภายหลังเป็นวัตร คือเมื่อได้ปลงใจกำหนดอาหารที่เป็นส่วนของตน ซึ่งเรียกว่าห้ามภัต ด้วยการลงมือฉันเป็นต้นแล้ว ไม่รับอาหารที่เขานำมาถวายอีก แม้จะเป็นของประณีต - later-food-refuser’s practice)
๘. อารัญญิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร อยู่ห่างบ้านคนอย่างน้อย ๕๐๐ ชั่วธนู คือ ๒๕ เส้น - forest-dweller’s practice)
๙. รุกขมูลิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร - tree-root-dweller’s practice)
๑๐. อัพโภกาสิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ที่แจ้งเป็นวัตร - open-air-dweller’s practice)
๑๑. โสสานิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร - charnel-ground-dweller’s practice)
๑๒. ยถาสันถติกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้ - any-bed-user’s practice)
๑๓. เนสัชชิกังคะ (องค์แห่งผู้ถือการนั่งเป็นวัตร คือเว้นนอน อยู่ด้วยเพียง ๓ อิริยาบถ - sitter’s practice)
ข้อควรเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับธุดงค์ :
ธุดงค์ --- ไม่ใช่บทบัญญัติทางวินัย จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็ได้ ขึ้นกับความสมัครใจ โดย มีหลักทั่วไปในการปฏิบัติว่า -
- ถ้าปฏิบัติแล้ว ช่วยให้กรรมฐานเจริญ หรือช่วยให้กุศลธรรมเจริญ อกุศลธรรมเสื่อม ควรปฏิบัติ
- ถ้าปฏิบัติแล้ว ทำให้กรรมฐานเสื่อม หรือทำให้กุศลธรรมเสื่อม อกุศลธรรมเจริญ ไม่ควรปฏิบัติ
ส่วนผู้ที่ปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ทำให้กรรมฐาน "เจริญขึ้น หรือเสื่อมลง เช่น เป็นพระอรหันต์แล้วอย่างพระมหากัสสปะ เป็นต้น หรือคนอื่นๆ ก็ตาม จะปฏิบัติก็นับว่าดี ...
พระที่บรรลุมรรคผลแล้ว ยังปฏิบัติธุดงค์อยู่ ก็จะเป็นแรงจูงใจให้พระภิกษุสามเณรอื่นๆ มีอุตสาหะในการปฏิบัติ **** ( ดูเถิด ท่านบรรลุธรรมแล้วยังปฏิบัติ เรายังไม่ได้บรรลุธรรมจะมามัวเกียจคร้านอยู่ไย)
ส่วนคนทั่วไป ที่ยังไม่ได้บรรลุธรรม ปฏิบัติธุดงค์ ก็จะเป็นอุปนิสัยปัจจัยส่งเสริมความคุ้นเคยกับการปฏิบัติธรรมให้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
คนทั่วไป มักเข้าใจว่า การที่พระแบกกลด สะพายบริขาร เดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง นั่นคือ “ธุดงค์” ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง .....
ขอย้ำว่า-เป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง !!!
อาจอธิบายได้ว่า การแบกกลด สะพายบริขาร เดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้น เป็นภาพที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล อันเป็นสมัยที่ยังไม่มีอาวาสหรืออาราม แพร่หลายทั่วไป พระภิกษุสามเณรที่บวชเข้ามาในพระศาสนาแล้ว ล้วนมีความมุ่งหมายจะปฏิบัติขัดเกลาตนเอง เมื่อมีโอกาสจึงมักจะชวนกันจาริกไปแสวงหาสถานที่ปฏิบัติธรรม
ดังมี เรื่องในคัมภีร์ทั่วไปเล่าว่า เมื่อออกพรรษาแล้ว ภิกษุทูลขอให้พระพุทธเจ้าตรัสบอกวิธีเจริญกรรมฐาน จนถึงขั้นที่สามารถบรรลุอรหัตผลได้ แล้วทูลลา พากันออกจาริกเป็นคณะ ๓๐ รูปบ้าง ๖๐ รูปบ้าง ไปแสวงหาสถานที่วิเวกเหมาะแก่การเจริญกรรมฐาน ...
นี่คือที่มาของภาพ -พระแบกกลด สะพายบริขาร เดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง คือ ท่านพากันเดินไปแสวงหาสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การถือธุดงค์ใด ๆ ทั้งสิ้น ....
จะเห็นได้ว่า การแบกกลด สะพายบริขาร เดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ไม่มีอยู่ในหัวข้อการปฏิบัติธุดงค์ทั้ง ๑๓ ข้อ ซึ่งหมายความว่าการแบกกลด สะพายบริขาร เดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้นไม่ใช่ “ธุดงค์” ในพระพุทธศาสนา และจะเรียกว่า “ธุดงค์” ในพระพุทธศาสนาไม่ได้เป็นอันขาด ....
ผู้ต้องการรู้เรื่องธุดงค์ที่ถูกต้องโดยละเอียด พึงศึกษาจาก ธุตงฺคนิทฺเทส ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคนั้นเถิด
===================
เพราะไม่เรียนจึงไม่รู้ ดูไม่ออก
จึงถูกหลอกถูกลวง ลงห้วงเหว
เพราะรู้ผิด จึงพลาดฉลาด (ในทาง) เลว
หลงว่าเปลวนรกแปลงเป็นแสงธรรม
==================
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
๑๑:๑๑