ค้นหาบทความ 🙄





3/23/68

ความเฉลียวฉลาด (Intelligence) ตอนที่ 1 - ความเฉลียวฉลาด คืออะไร ?

    สิ่งแรก อาจจะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน กล่าวคือ คำจำกัดความของความว่า "ความเฉลียวฉลาด"   ซึ่ง  มีมากมายหลากหลาย แล้วแต่มุมมองของผู้ที่ให้ความหมายและคำจำกัดความ เช่น .....


Intelligence

"ความเฉลียวฉลาด"  คือ ....  

    ความสามารถ  ในการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล  ในการวางแผน ในการแก้ปัญหา ในการคิดเชิงนามธรรม ในการเข้าใจเรื่องราวที่ซับซ้อนยุ่งยาก  ในการประเมินและเข้าใจสถานการณ์ ในการตัดสินใจเลือก การเรียนรู้  ในการจำ ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ  ในการประยุกต์ดัดแปลง ฯลฯ  ซึ่งดูเหมือนว่าครอบคลุมแทบทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ....

    ถ้าเราเอาสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น จากในย่อหน้าที่แล้ว  มาค่อยๆ พิจารณาอย่างละเอียด ทั้งหลายทั้งปวงล้วนแต่มีรากฐานมาจาก  "ความสามารถทางภาษา"  ที่ทำให้เข้าใจนามธรรมและประมวลข้อมูลต่างๆ ความสามารถทางคณิตศาสตร์  ซึ่งคือตรรกะเหตุผล และ ความสามารถในการมองเห็น (คาดการณ์)  รูปแบบของผลลัพธ์จากสาเหตุที่ต่างกัน  ความจำ ความใส่ใจในรายละเอียด และความรวดเร็วแม่นยำของความสามารถที่กล่าวมา ... 

   แต่ในยุคปัจจุบัน   มีความพยายามทำให้ความหมาย  และคำจำกัดความของ ความเฉลียวฉลาด ยุ่งยากซับซ้อน  ขึ้นไปอีกด้วยการเอาคำอย่าง Emotional หรือทางอารมณ์ อย่าง Social หรือทางสังคม อย่าง Moral หรือทางศีลธรรม มาพ่วง มาเกาะเกี่ยว แล้วอธิบายเรื่องง่ายๆให้ยากขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการค้า หรือประโยชน์อย่างอื่น  .... ??!!   แต่หากเราเล็งดูให้ดีๆ ความเฉลียวฉลาด ที่แยกแขนงออกมาดังกล่าว ก็มาจาก ความเฉลียวฉลาดชั้นต้น

     ดังนั้น ในโพสต์นี้  และต่อจากนี้จะไม่กล่าวถึงคำอย่าง EQ, SQ หรือ MQ ให้เสียเวลากับทุกฝ่าย 


       มีคำอีก 2 คำ   ที่เกี่ยวข้องกับ  ความเฉลียวฉลาด  ที่เราควรต้องรู้จักเอาไว้ เพราะจะทำให้เราเข้าใจในเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น นั่นก็คือ ....

  • Crystallized Intelligence หรือ  ความเฉลียวฉลาด ที่เกิดจาก ความรู้และประสบการณ์ ที่มีเช่น ความเฉลียวฉลาดทางภาษา ความเชียวชาญทางอาชีพการงาน ความเฉลียวฉลาดทางวิชาการ และการนำความรู้มาประยุกต์ใช้งาน
  • Fluid Intelligence  หรือความเฉลียวฉลาดในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในการประเมินสถานการณ์ ในการแก้ปัญหา ในการตัดสินใจ และความคิดสร้างสรรค์   ...
      โดยที่ความเฉลียวฉลาดทั้งสองแบบนี้  ไม่ขึ้นต่อกัน  กล่าวคือ หากมีอย่างหนึ่ง  ก็ไม่จำเป็นที่จะมีอีกอย่างหนึ่ง แต่การมีอย่างหนึ่ง ก็ไม่เป็นข้อจำกัด ที่จะทำให้ไม่มีอีกอย่างหนึ่ง หรือแปลเป็นภาษาคนง่ายๆ ก็คือ ในกลุ่มของผู้ที่เฉลียวฉลาด บางคนมีอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือบางคนอาจมีทั้งสองอย่าง ....

       การศึกษาค้นคว้าเรื่อง ความเฉลียวฉลาด ในโลกตะวันตก  เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนทางการเมืองมากถึงมากที่สุด ....  เพราะไปขัดแย้งกับรากฐานของความเชื่อทางการเมืองที่ว่า  All men are created equal หรือ มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน  โดยเฉพาะในสหรัฐฯ  ที่ผู้คนถูกทำให้เชื่อว่า If you tried hard enough, you can be successful    หรือ หากพยายามมากพอ ก็จะประสบความสำเร็จได้  ??!! 

     (  ภายหลังผิดเพี้ยนไปเป็น If you tried hard enough, you can be anything หรือ หากพยายามมากพอ  ก็สามารถเป็นอะไรก็ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแน่นอน !!!! 

     หากไม่เชื่อก็ลองคิดกันดูว่า   นักมวยตัวโตๆ  อย่าง  ไมค์ ไทสัน อยากจะเป็นนักฟิสิกส์ อย่าง อัลเบิร์ต ไอสไตน์   หรือ อยากเป็นนางเอกหนัง อย่าง จูเลีย โรเบิร์ต   ...  เขาจะทำได้รึไม่ ? )

         อย่างเช่นในปี  ค.ศ. 1969   ศจ.อาเธอร์ เจนเซน (Arthur Jensen) นักจิตวิทยาการศึกษา ได้นำเสนอบทความ  สรุปผลงานวิจัยชื่อ  "How Much Can We Boost IQ and Achievement  ? "  (เราจะเพิ่มความเฉลียวฉลาดและความสำเร็จได้มากแค่ไหน )  ลงในนิตยสารวิชาการการศึกษาชื่อดัง Harvard Educational Review  ซึ่งบทความ  และงานวิจัยชิ้นนี้  ได้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว และถูกต่อต้านอย่างหนัก รวมถึงถูกขู่ฆ่าด้วย เพราะไปขัดกับความเชื่อในขณะนั้นที่ว่า   เราสามารถเพิ่มความเฉลียวฉลาดได้ ... ?! 

     ในยุคนั้น สหรัฐฯ  มีโครงการการศึกษาพิเศษ  ที่เรียกว่า Compensatory education สำหรับนักเรียนอนุบาลผิวสี ที่ถูกออกแบบให้กระตุ้นความเฉลียวฉลาดทางภาษา และทางคณิตศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย โดยมีเป้าหมาย ที่จะเพิ่มความสำเร็จในการเรียนของนักเรียนผิวสี เพื่อลดความเหลื่อมลํ้าของผลการเรียนที่เป็นปัญหาใหญ่ในวงการศึกษาที่พบว่า

 "นักเรียนผิวสี เรียนได้ไม่ดีเท่านักเรียนผิวขาวอย่างมีนัยสำคัญ" ??!!  

     โดยผู้ที่คิด และสนับสนุนโครงการนี้  เชื่อว่าเป็น ฐานะทางเศรษฐกิจ และสังคมของครอบครัว ทำให้เด็กนักเรียนผิวสี เสียเปรียบ ซึ่งหากชดเชยด้วยการให้ได้เรียนพิเศษ เพื่อกระตุ้นความเฉลียวฉลาด ตั้งแต่อายุน้อยๆ  ในที่สุด เด็กผิวดำก็จะสามารถเรียนได้ดีไม่ต่างจากเด็กผิวขาว

 ....  
แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต

     ศจ.อาเธอร์ เจนเซน  ได้นำเอาข้อมูลผลการเรียนของเด็กนักเรียนผิวดำ  ที่ถูกเก็บบันทึกกว่า 20 ปี มาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์ และได้พบว่า นักเรียนผิวสีที่เข้าเรียนโครงการ Compensatory education มีผลการเรียนที่ดีขึ้นมากในชั้นประถมต้นจริง แต่ในชั้นที่สูงขึ้นๆ  หลังจากนั้น ผลการเรียนก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมคือ  เรียนได้แย่กว่านักเรียนผิวขาว ??!!   และในระดับมัธยม ผลการเรียนของนักเรียนผิวสีทั้งที่เข้า และไม่เข้าโครงการ  ก็ไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด ??? 

       นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้งานวิจัยนี้และบทความที่ว่าของศจ.อาเธอร์ เจนเซน ถูกนักวิชาการที่สนับสนุนโครงการการศึกษาชดเชยสำหรับนักเรียนผิวสี รวมทั้งคนผิวสี โกรธแค้น เกลียดชัง คือความตรงไปตรงมาของประโยคแรกในบทความที่ว่า Compensatory education has been tried and apparently has failed ซึ่งแปลว่า การศึกษาชดเชยได้ถูกนำมาใช้ทดลอง และดูเหมือนว่า ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง


       นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ ยังถูกตีความผิดๆ ไปว่า ผู้ทำวิจัยมีอคติ และความเชื่อว่า  เชื้อชาติ (ผิวสี) มีผลต่อความเฉลียวฉลาด และพยายามกดขี่คนผิวสี ???!!   ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ก็มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในภายหลังมากมายที่ยืนยันว่า พันธุกรรมเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลส่วนใหญ่กว่า 80% ต่อความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ ตามผลสรุปของ  ศจ.อาเธอร์ เจนเซน ที่ว่า general cognitive ability is essentially an inherited trait  ซึ่งแปลว่า ความเฉลียวฉลาดเป็นลักษณะทางพันธุกรรมอย่างแน่นอน ... 

อุทาหรณ์จากเรื่องนี้ คือ คนที่เฉลียวฉลาด พึงระลึกเอาไว้ว่า  "คนโง่เง่ามักจะเกลียดและกลัวข้อเท็จจริงที่ว่า พวกตนโง่เง่า !!!  

      นอกจากนี้ ความพยายาม ความโหดร้าย และความล้มเหลว ของเยอรมันนาซี ที่พยายามคัดเลือกเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่า ทั้งทางกายภาพ และสติปัญญา และกำจัดเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า  ก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ จิตแพทย์ จิตวิทยา ชีววิทยา ประสาทวิทยา ที่สนใจศึกษาในเรื่องนี้  ไม่ได้รับการสนับสนุนเพียงพอ  ทั้งด้านเงินทุน และการเผยแพร่งานวิจัย รวมถึงการยอมรับ .... จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2000 มีการให้รางวัลทางการแพทย์  แก่นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยศึกษาเรื่อง  ความทรงจำของมนุษย์ในระดับเซลและโมเลกุลของสมอง และรบบประสาทเพื่อหาทางรักษาโรคอัลไซเมอร์ ....

        หลังจากนั้น การศึกษาในเรื่องนี้  ก็เป็นที่ยอมรับมากขึ้น แต่การเผยแพร่ผลงาน  ก็ยังต้องทำด้วย "ความระมัดระวัง"    เพราะสาธารณชน  จะไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า ....

"มนุษย์เรามีความเฉลียวฉลาดไม่เท่ากัน และความเฉลียวฉลาดถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม" 
 
      ซึ่งก็แปลกดี   แต่มนุษย์เรากลับยอมรับได้ว่า ....  รูปร่างหน้าตา อย่างเช่น ความสูง ความสวย (หล่อ)  รวมถึงโรคบางชนิด  ก็ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรมเช่นกัน ???!!  



บทความโดย : Sompob Pordi

      ....  ผมอยากฉลาด  และชอบคนฉลาด ผมเชื่อว่า   ความเฉลียวฉลาดและคนฉลาดมีประโยชน์มากกว่าโทษ  และคือสิ่งที่นำพาให้มนุษยชาติมาถึงวันนี้ ผมก็เลยสนใจเรื่องความเฉลียวฉลาดของมนุษย์มาก   มากพอที่จะตะลุยหาความรู้ในเรื่องนี้อย่างจริงจัง 
     
     ใครที่สนใจ ที่มีเวลา โดยเฉพาะ คนที่ยังมีลูกหลานเล็กๆ ผมแนะนำสุดใจครับ เพราะจะเป็นประโยชน์แน่นอน 

     ความเฉลียวฉลาด (Intelligence) เป็นส่วนผสมทางชีววิทยา และประสบการณ์ชีวิต หากตั้งใจ หากทำเป็น สร้างเสริมได้ เพิ่มพูนได้ พัฒนาได้ ....  และเมื่อเฉลียวฉลาดแล้ว โลกทัศน์จะต่างจากคนทั่วไป จะเห็นสิ่งต่างๆ  ได้ชัดเจนกว่า  จะเห็นโอกาส  และจะมีทางเลือกมากกว่า และสามารถจะใช้โอกาสและทางเลือกที่ดีกว่าเพื่อประโยชน์ของตนเอง ครอบครัว และสังคม ได้แน่นอนครับ !!!  

    



Admin Bee

สนับสนุน Misc.Today

นี่คือ ลิ้งค์พันธมิตร หรือที่เรียกว่า affiliate link ซึ่งหมายความว่า... หากคุณคลิ๊กลิ้งค์นี้ และซื้อผลิตภัณฑ์ อะไรก็ได้ ฉันจะได้ค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย สิ่งนี้จะช่วยสนับสนุนเว็บไซด์ และช่วยให้กำลังใจเราต่อไป


  ชาหมักคอมบูชะ Scoby doit  


 






 

คุณอาจสนใจ

5 บทความ ยอดนิยม ในรอบ 30 วัน

🟡 โพสต์แนะนำ

คริสเตียนไซออนนิสท์ คือใคร ? - Christian Zionist

ช่วงนี้ ผมติดตามหาข้อมูลเกี่ยวกับ อิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นแนวประวัติศาสตร์เสียมาก เพราะผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า การที่เราจะ...

Popular Posts

แนะนำหนังสือ


  BOOKs OF THE DAY








ผู้สนับสนุน







Xiaomi Kingsmith Walking Pad

 Xiaomi Kingsmith Walking Pad R1 Pro/ R2 ลู่เดิน/วิ่งไฟฟ้า พับเก็บได้ สำหรับการออกกำลังกายภายในบ้าน >> คลิ๊กดูเพิ่มอีก


ป้ายกำกับ / Tag labels

2475 (1) กฎหมาย (5) กฐิน (2) กรรม (5) กระเป๋า (3) กรุงเทพฯ (21) กรุงศรีอยุธยา (12) กล้องถ่ายภาพ (7) กลอน (4) กลาโหม (9) การเกษตร (7) การขาย (1) การจัดเก็บ (3) การปกครอง (3) การเมือง (63) การลงทุน (1) การศึกษา (144) กิจกรรมกลางแจ้ง (2) กีฬา (3) เกษตร (3) เกี่ยวกับสัตว์ (16) ไกลกังวล (1) ขงจื้อ (1) ขนม (2) ขอมไม่ใช่เขมร (6) ข้าว (3) ข่าวสาร (22) ขิง (1) เขมร (10) โขน (2) คณะราษฎร (11) คติธรรม (1) คนเล่านิทาน (15) ครอบครัว (8) ครัว (1) ครู (6) ความเฉลียวฉลาด (8) ความเชื่อ (16) ความรู้ (181) คอมมิวนิสต์ (34) คำภีร์ (2) คำสอน (13) เครื่องบิน (7) เงินตรา (4) จอมพล ป. พิบูล (1) จอมพล ป. พิบูลสงคราม (13) จีน (54) ช้าง (1) ชายแดนใต้ (5) ญี่ปุ่น (16) ดนตรีไทย (1) ดอกไม้ (1) เด็ก (5) เดนมาร์ก (1) ต้นไม้ (4) ตลาดนัด (1) ตำรวจ (2) เตา (1) เตือนภัย (19) แต่งงาน (1) ไต้หวัน (1) ทรัพยากร (2) ทวิตเตอร์ (1) ทหาร (9) ท่องเที่ยว (28) ทะเล (3) ทัศนะ (65) ทำบุญ (5) ทำอาหาร (4) เทคโนโลยี (13) โทรศัพท์มือถือ (2) ธนบัตร (1) ธนาคาร (4) ธรณี (1) ธรรมชาติ (12) ธรรมในคำกลอน (1) ธรรมะ (6) ธรรมาธิปไตย (2) ธุรกิจ (11) นราธิวาส (3) นวดไทย (1) นักบิน (1) นักเรียน (4) นางใน (1) นาซี (1) นายกรัฐมนตรี (3) น้ำมัน (1) นิทานพื้นบ้าน (1) นิยาย (3) นิวเคลียร์ (1) เนปาล (1) แนะนำสินค้า (39) โนรา (1) ในหลวง ร.10 (1) ในหลวงรัชกาลที่ 9 (15) บริการ (4) บริหาร (3) บ่อน (1) บัตรเครดิต (2) บัตรประชาชน (1) บาลีวันละคำ (5) บุคคล (43) บุญ (3) บุหรี่ (1) เบตง (1) แบรนด์ไทย (5) โบราณวัตถุ (13) โบราณสถาน (7) โบสถ์ (2) ประชาธิปไตย (61) ประท้วง (7) ประเทศไทย (182) ประธานาธิบดี (2) ประวัติศาสตร์ (151) ปรัชญาชีวิต (22) ปรีดี (2) ปลูกต้นไม้ (3) ปูติน (1) ผลไม้ (2) ผลิต (3) ผัก (1) ผิวสี (1) แผ่นดินไหว (3) ฝรั่งเศส (6) พม่า (6) พยาบาล (2) พระเจ้าตากสินมหาราช (2) พระนเรศ (1) พระพุฒาจารย์ (1) พระพุทธเจ้า (1) พระราชกรณียกิจ (4) พระสงฆ์ (12) พราหมณ์ (1) พิธีกรรม (1) พิบูลสวัสดี (1) พิพิธภัณฑ์ (10) พุทธทาส (1) พุทธศาสนา (14) เพชรบุรี (3) เพลง (8) เพลงผ้า ปรพากย์ (1) แพทย์ (5) ฟาโรห์ (1) ไฟ (4) ไฟฉาย (1) ไฟฟ้า (1) ภัยพิบัติ (3) ภาคใต้ (6) ภาคอีสาน (1) ภาษา (13) ภาษิต (1) ภูเขาไฟ (1) ภูมิปัญญา (19) ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ (1) มวยไทย (5) มหาสมุทร (1) มาเลเซีย (1) มุมไบ (2) มุสลิม (2) แม่ (1) แมลง (1) ไม้ไผ่ (1) ยา (1) ยิว (3) ยูเครน (1) ยูนนาน (1) เยาวชน (1) เยาวราช (1) รถเมล์ (4) รองเท้า (2) รอบโลก (4) ระบบนิเวศน์ (1) ระเบิด (3) รัชกาลที่ ๒ (1) รัชกาลที่ ๔ (3) รัชกาลที่ ๕ (7) รัชกาลที่ ๖ (2) รัชกาลที่7 (8) รัชกาลที่ ๘ (6) รัฐประหาร (7) รัสเซีย (13) ราชาศัพท์ (1) รามเกียรติ์ (1) เรือ (3) เรื่องเก่า (82) เรื่องเล่า (24) โรค (5) โรคระบาด (5) โรงงาน (1) โรงพยาบาล (11) โรงเรียน (17) โรฮิงญา (1) ลอนดอน (1) ละคร (1) ลัทธิ (2) ลัทธิมาร์กซ์ (3) ล้านนา (3) ลาว (4) ลิง (1) เลือกตั้ง (9) โลก (8) โลกร้อน (4) วัฒนธรรม (2) วัด (14) วันแม่ (1) วันสำคัญ (5) วิทยาศาสตร์ (9) วิทยุ (2) วิหาร (4) เวียดนาม (4) ไวรัล (1) ศัพท์ (2) ศาสนา (38) ศิริราช (5) ศิลปะ (5) ศิลปาชีพ (1) เศรษฐกิจ (3) สงขลา (1) สงคราม (51) สถานีรถไฟ (1) สนามบิน (2) สเปน (1) สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร (2) สมัยเมจิ (1) สยาม (13) สวนสนุก (1) สวิตเซอร์แลนด์ (2) สังคม (46) สัตว์ปีก (1) สายสังคม (3) สำนวน (8) สิ่งประดิษฐ์ (13) สื่อ (4) สุขภาพ (14) สุภาพจิต (6) สุสาน (1) เสรีภาพ (1) ไสยศาสตร์ (1) หนังแท้ (4) หนังสือ (31) หนังสือพิมพ์ (1) หนู (1) ห้องเรียน (4) เหมาเจ๋อตง (2) เหรียญ (1) อเมริกา (40) ออสเตรีย (1) อังกฤษ (6) อาชีพ (3) อาหาร (15) อาหารจานโปรด (8) อิตาลี (3) อินเดีย (9) อิสราเอล (3) อียิปต์ (1) อีสาน (1) แอปพลิเคชัน (4) ไอร์แลนด์ (1) cpr (1) deep state (1) democracy (1) Diarymisc (3) facebook (1) handmade (1) leather (1) marxism (1) metaverse (1) nomad (6) Nuclear (1) OPENUP (1) powerbank (1) shopee (1) Social media (2) social science (3) social views (122) Sompob Pordi (8) startup (1) UNESCO (4) xiaomi (1)


Miscellaneous | Misc.Today 🌱 . ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand