เป็นการเสด็จนิวัติพระนคร ครั้งแรก ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕
ในการเสด็จยังที่ต่างๆ นั้น สมเด็จพระอนุชาฯ ( ซึ่งขณะนั้น ทรงพระราชอิสริยยศ เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ) มักจะตามเสด็จด้วยเสมอ จนมีพระฉายาในหมู่ราษฎร ว่า “เจ้าฟ้าแว่น” เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นเด็กๆ ใส่แว่นสายตากันมากนักในยุคสมัยนั้น ....
เจ้าฟ้าแว่น..
โดย...สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กระหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
เนื่องในงาน ”วันนี้…เมื่อ 72 ปีก่อน”
จัดโดยคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
------ อัษฎางค์ ยมนาค ...เรียบเรียง
สมเด็จพระพี่นางฯ รับสั่งเล่าว่า ..................
ข้าพเจ้า จำไม่ได้เลยว่า วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ นั้นเป็นเช่นไร เพราะข้าพเจ้ามีอายุเพียง ๕ ขวบครึ่ง แต่ข้าพเจ้าได้ถามแม่ ได้ความว่า เมื่ออยู่ที่ รพ. เคมบริดจ์ หรือ นอร์ธโอเว่น แม่อยู่ ๒ สัปดาห์ รู้สึกเหนื่อยมาก เพราะต้องไปพักอยู่กับลูกอีก รพ. หนึ่ง ... ซึ่งในความทรงจำของข้าพเจ้า จำได้ว่า รพ. ที่พักอยู่บนเขา มีถนนคดเคี้ยวชัน และมีหิมะเต็ม 2 ข้างทาง ข้าพเจ้าอยากเห็น และอยากแตะต้องน้องชาย .. แต่ รพ. เขาให้ดูอยู่ข้างหลังกระจก
เมื่อกลับถึงบ้าน ได้ถามคุณแหนน (คุณเนื่อง จิตอดุลย์) คนเลี้ยงที่บ้านว่า น้องคนใหม่นี้ พูดไทยได้หรือเปล่า”
“เมื่อครั้งที่ทรงประสูตินั้น เป็นองค์ที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือเกือบ ๓ กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักธรรมดาได้มาตรฐานของฝรั่ง ในขณะที่รัชกาลที่ ๘ เป็นองค์ที่มีน้ำหนักน้อยที่สุด
แม่บอกว่า ทูลกระหม่อมฯ (สมเด็จพระราชบิดา) ไม่ค่อยแข็งแรง ลูกออกมาเลยน้ำหนักน้อย
ส่วนข้าพเจ้าเองนั้น เป็นคนแรกออกยาก มีน้ำหนัก ๒.๗ กก. ดังนั้น จึงถือได้ว่า พระเจ้าอยู่หัวแข็งแรงที่สุดในบรรดา ๓ คน และในช่วงเด็กนั้น เป็นองค์ที่มีชีวิตชีวาอย่างมาก”
หลังประสูติไม่ถึง 3 ชั่วโมง
สมเด็จพระราชบิดา (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) จึงมีโทรเลขถวายไปยัง สมเด็จพระพันวัสสาพระราชมารดา ความว่า "ลูกชายเกิดวันนี้ สบายดีทั้งสอง ขอพระราชทานนามทางโทรเลข"
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ ๗ จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามให้ว่า "ภูมิพล" เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมายุได้เพียง ๑ พรรษา ๙ เดือน สมเด็จพระราชบิดาก็ประชวร และสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๒ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี้ จึงรับพระราชภาระ ในการอภิบาลพระโอรส และพระธิดาทั้ง ๓ พระองค์ ตามลำพัง
เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕
หลังประทับอยู่เมืองไทยได้ระยะหนึ่ง ก็เกิดเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จึงตัดสินพระทัย พาพระราชโอรสและพระราชธิดาย้ายไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๗๖
เมื่อทรงพระเยาว์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงประทับอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยเข้าศึกษาระดับชั้นประถมที่โรงเรียน Miremont จากนั้นจึงได้เข้าศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้นไปที่ Ecole Nouvelle de la Suisse Romande และโรงเรียน Gymnase Classique Cantonal จนจบและทรงได้รับประกาศนียบัตรชั้นมัธยม และเตรียมองค์ที่จะทรงศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโลซานน์ สาขาวิทยาศาตร์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๘ แห่งบรมราชจักรีวงศ์
เมื่อทรงพระชนมายุราว 7 พรรษา ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกพระองค์ในราชสกุล "มหิดล" เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศสละราชสมบัติ รัฐบาลไทยสมัยนั้น จึงได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล (พระยศในขณะนั้น) ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๘ แห่งบรมราชจักรีวงศ์
เมื่อทรงพระชนมายุราว 7 พรรษา ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกพระองค์ในราชสกุล "มหิดล" เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศสละราชสมบัติ รัฐบาลไทยสมัยนั้น จึงได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล (พระยศในขณะนั้น) ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๘ แห่งบรมราชจักรีวงศ์
เพื่อเตรียมตัวยุวกษัตริย์พระองค์น้อย สำหรับพระราชภาระเพื่อบ้านเมืองในอนาคต นอกจากทรงศึกษาในโรงเรียนตามปกติแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลจึงทรงมีพระอาจารย์มาถวายพระอักษรเพิ่มเติม ...
เมื่อพระเชษฐาทรงศึกษาสิ่งใด สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุยเดช (พระยศในขณะนั้น) ก็ทรงเรียนรู้ด้วย
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พร้อมด้วยพระราชชนนี พระเชษฐภคินี และพระอนุชา ได้เสด็จนิวัตประเทศไทย ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาล และประทับอยู่เมืองไทยราว 2 เดือน ก่อนเสด็จกลับสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงศึกษาต่อ ...
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พร้อมด้วยพระราชชนนี พระเชษฐภคินี และพระอนุชา ได้เสด็จนิวัตประเทศไทย ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาล และประทับอยู่เมืองไทยราว 2 เดือน ก่อนเสด็จกลับสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงศึกษาต่อ ...
แม้จะเสด็จนิวัตเมืองไทยเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความตื่นเต้นปีติ ความรัก และความชื่นชมในหมู่พสกนิกรไทยถ้วนหน้า เพราะชาวไทยไม่เคยเห็น "ในหลวงพระองค์น้อย" ของพวกเขาเลยนับแต่ทรงขึ้นครองราชย์ ...
จะเห็นก็แต่เพียง พระบรมฉายาลักษณ์ใ นหนังสือพิมพ์ และได้ยินจากข่าวคราว ของผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ และมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ เท่านั้น ...
การเสด็จนิวัติพระนครในครั้นนั้น ประชาชนและห้างร้านต่างๆ พร้อมใจกันทำซุ้มและประดับประดาอาคารบ้านเรือนเพื่อรับเสด็จฯ ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ใดทั้งในพระนคร และจังหวัดใกล้เคียง จะมีประชาชนมารอเฝ้าฯ เพื่อชมพระบารมีอย่างเนืองแน่น
และ ด้วยความที่พวกเขาไม่เคยเห็นเด็กๆ ใส่แว่นสายตากันบ่อยนัก เมื่อได้เห็นสมเด็จพระอนุชา จึงทรงมีพระฉายาในหมู่ราษฎรอีกพระนามหนึ่งว่า
‘เจ้าฟ้าแว่น’ หรือ ‘ท่านแว่น’