แอดมิน Misc. ขอออกตัวกันไว้ก่อนนะครับว่า ไม่ได้ชื่นชอบหรือนิยมความรุนแรง แอดมินไม่ชอบสงคราม และ ไม่ยินดีปรีดากับความสูญเสียใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนชาติใดในโลกนี้ โดยเฉพาะกรณี ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย และยูเครน ที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นปัญหาที่กระทบเป็นวงกว้างทั่วโลก และ เรากำลังตกเป็นเครื่องมือของชาวตะวันตกที่ปั้นแต่งเรื่องต่างๆ ผ่านสื่อมวลชน ผ่านเอ็นจีโอ ที่รับเงินจากรัฐ และมูลนิธิของนายทุนบางคนที่ครอบงำโลก
สงครามโฆษณาชวนเชื่อ คืออะไร ?
PROPAGANDA WAR : ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือเน้นเพียงบางส่วน ของสถานการณ์บางอย่างในสงคราม ที่รัฐบาล หรือกลุ่มการเมือง นำมาใช้เพื่อให้คนเห็นด้วย
กรณี ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย และยูเครน ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ผมได้เห็น ปรากฎการณ์ PROPAGANDA WAR ได้อย่างเด่นชัดและแจ่มแจ้ง ในขณะที่ หลายๆคน มองไม่เห็น หรือเห็น แต่รู้ไม่เท่าทัน ?
แอดมินขอไม่อธิบายด้วยตนเอง เพราะเรียบเรียงไม่เก่ง นำเสนอไม่ค่อยจะเป็น ก็เลยขอนำ ข้อความ บทความของคุณ "วิวันดา" โดยผมคัดลอกมาจาก facebook และนำมาเคาะๆ วรรคๆ อะไรเติมได้จะเติม เพื่อวัตถุประสงค์ให้เข้าใจง่ายๆ ไม่มีการตัดทอน หรือเพิ่มส่วนใด โดยไม่จำเป็น
เชิญครับ .....
มาย้อนอดีตให้ฟังกันอีกที….เผื่อจะลืม..!!!
บทความโดย : Wiwanda W. Vichit
ดิฉันไม่อ่านข่าวเรื่องการรุกเข้ายูเครนของรัสเซียเลย เพราะไม่รู้จะเชื่อข่าวไหน… แต่สนุกกับการอ่านคอมเม้นต์ต่างๆมากกว่า เพราะเราได้เห็นคนหลายรุ่น หลายเจน ( generation เจนเนอเรชั่น ) ที่เกิดมาในช่วงเวลาต่างๆ กัน บางคน "โลกสวย" และ "หอมกรุ่น" ด้วย กลิ่นไอดอก ลาเวนเดอร์
- บางคนมาแนะแนว การใช้อาวุธ เพราะมันคล้ายคล้ายกับในเกมกดที่เล่น ?
- บางคนก็มีศีลธรรม จรรยา รักเพื่อนร่วมโลกราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน !!
ทั้งหมด……คือ กลุ่มที่ยังไม่เคยได้รับรู้ รับเห็น กับความขัดแย้งที่นำมาสู่สงคราม ในสมัยโบราณ…มนุษย์แย่งกันหาอาหารเช่นเดียวกับสัตว์ มีกินเกินพอแล้ว ก็ต้องมีการกักตุน เร่หาแหล่งที่อุดมสมบูรณ์กว่า…จึงเกิดมีการขยายตัวออกไปเพื่อแย่งชิง
อ่อนแอ..ก็แพ้ไป…
ในปัจจุบัน……ก็เช่นเดียวกัน !!!
เพียงแต่ ... รูปแบบชองการอุปโภค บริโภค เปลี่ยนแปลงไป จากอาหาร…กลายเป็น แร่ธาตุ ทองคำน้ำมัน และทรัพยากรอื่นๆ ที่ล่อใจ ในการแย่งชิงนี้..จะใช้วิธีคนป่าอย่างเดิมๆ ไม่ได้แล้ว เพราะผู้คนอ่านออก เขียนได้ คิดเป็น… จึงต้องพัฒนาให้คิดไปในทางเดียวกัน ร่วมมือกัน มาเป็นพวกเดียวกัน ถือนโยบายเดียวกัน….ใครที่มันไม่เข้าพวก…ถือว่า มันเป็นศัตรู …!!!
นี่คือตรรกะง่ายๆ…ส่วนศีลธรรม……รักษ์โลก……ทุ่งลาเวนเดอร์ เอาวางไว้ข้างๆก่อน..!!
แล้วมาทวนความจำกันหน่อยนะคะ คุณคนดีทั้งหลาย….
เอาใกล้ๆเรานี่แหละ สงครามเวียดนาม (1955-1975) เป็นเวลาต่อเนื่อง 20 ปี แห่งสงครามที่คนชาติเดียวกัน ต้องลุกขึ้นมาฆ่ากันเองอย่างเหี้ยมโหด เพราะโลกได้แบ่งออกเป็นสองขั้ว ขั้วเสรี และ ขั้วคอมมิวนิสต์
เราเรียกว่า สงครามแย่งชิงประชาชน
เพราะต่างฝ่ายต่างกลัวว่า……ฝั่งตรงข้ามจะมีเนื้อที่ในโลกมากกว่า ได้รับความนิยมมากกว่า……จึงเกิดการ โปรประกันดา ( Propaganda ) ขึ้นมา แน่นอนว่า ฝั่งโลกเสรีงดงาม ไปไหนก็สะดวกสบาย รถยนตร์แปดสูบ กินอยู่หรูหรา ขนาดทหารในสงครามเวียดนามกำลังรบๆอยู่ ยังมีเครื่องบินหย่อนโค้กกระป๋องแช่แย็นลงมาให้ .. ประเทศรอบข้างๆ อย่างไทย…ขอกู้เท่าไหร่…ไม่อั้น !!!
ผลคือ…เขาใช้พื้นที่ของเรา เช่น โคราช นครพนม สัตหีบ มาเป็นฐานทัพ เพื่อใช้บินไปหย่อนระเบิด หย่อนฝนเหลืองให้กับเพื่อนบ้านของเรา ทั้งเวียดนาม ลาว เขมร
ในเวียดนาม มีคนตายจากสงครามนี้นับล้านๆคน.. !!
ถามว่า ? เรามีส่วนร่วมใน มหกรรมมือเปื้อนเลือดในครั้งนั้นด้วยหรือเปล่า…??
แน่นอนค่ะ…เพียงแต่เราอยู่ในฐานะที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเราต้องเลือกข้าง "ข้าง" ที่จะให้ผลประโยชน์เรามากที่สุด…
ช่วงปี 1964-1973 …ประเทศลาว…ที่มีเนื้อที่จิ๋วเดียว เป็นพื้นที่ที่รับระเบิด มากที่สุดในโลก มากกว่า สองล้านตัน (เท่ากับประชาชนหนึ่งคน รับไปคนละตัน) รวมทั้งระเบิดพวงมากกว่า 250 ล้านชุด ในพื้นดินยังมีทุ่นระเบิด (ที่ด้านในตอนนั้น) ฝังอยู่ทั่วไป
หลายครั้งที่ชาวบ้าน ชาวนาไปขุดดิน ต้องโดนระเบิดถึงแก้ชีวิตบ่อยๆ เป็นที่น่าเวทนา
ถามว่า……ตัวการ คือ พี่เอื้อยอเมริกาที่ถนัดหย่อน…เหลียวแลบ้างไหม ?
ไม่มี..และ… ไม่เคย …… !! คงจะอับอายจากการหย่อนระเบิดขนาดนี้ ยังแพ้สงครามกับคนป่า คนที่รักชาติมากกว่าชีวิตไปอย่างยับเยิน (ฝรั่งเศส ก็หน้าแหกไปจากสงครามเบียน เดียน ฟู ไปเช่นกัน)
จึงได้เกิดกลุ่ม Mines Advisory Group (MAG) ที่มีฐานอยู่ที่อังกฤษ และไอร์แลนด์ ได้ให้ความช่วยเหลือ คือ จัดทีมออกค้นหาทุ่นระเบิดให้ในลาว และให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ
ในปี 2019 ครบรอบ 25 ปีของการถูกกระทำ ทีมผู้กล้าอาสาทั้งชาย-หญิง กว่าสองพันคนได้ออกทำการค้นหาระเบิดที่ฝังในดินได้มากกว่าสองแสนห้าหมื่นลูก สองปีต่อมา ได้พบเพิ่มอีก จนถึงจำนวนรวมแล้วร่วมสามแสน การค้นหานี้ยังต้องดำเนินต่ออย่างไม่มีวันจบสิ้น เพราะคาดว่า ในแผ่นดินลาว…ยังมีทุ่นระเบิดฝังอยู่อีกมากมาย ที่ค้นแคะมาได้นั้น ยังแค่ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์…!!!
ทั้งอเมริกาและเหล่าสัมพันธมิตรทั้งหลาย เลือกที่จะไม่พูดถึง ไม่กล่าวถึง ไม่รับผิดชอบใดๆ เพราะเปลี่ยนไปเป็นการปกครองแบบ สปป. แล้วนี่…ก็ให้จีน ให้รัสเซียดูแลต่อไปก็แล้วกัน..!!!
จากบทเรียนในสงครามเวียดนาม, ลาว ที่มีตัวอย่างให้เห็น
เราก็ยังอยู่ในรูปแบบเดิมๆ !!!
คือ สัมพันธมิตรในครั้งนี้……มาเป็นรูปแบบของ NATO, EU ที่ผนึกกำลังกันเพื่อเป็นปริปักษ์กับการปกครองที่สกัดกั้นกลุ่มทุนนิยม
NATO มีสหรัฐฯ เป็นพี่เอื้อย เพราะห่างกับจากรัสเซียทาง Bering Strait แค่ห้าสิบกว่าไมล์ ( นี่ไงคะ คือการพัฒนาทางด้านเรือดำน้ำทั้งสองประเทศจึงต้องไล่บี้กันอย่างไม่กระพริบตา ) แล้วก็หาบริวารรายล้อมให้มากั้น…ถึงจะกลืนน้ำลายที่ถ่มทิ้ง ตระบัดสัตย์ก็ต้องยอมทำ แต่ก็ไม่แปลก เพราะเรื่องนี้อเมริกาออกจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ได้คืบ เอาศอก…ขยายเข้าไปเรื่อย จนติดถึงคอหอย
มันก็ถือได้ว่าเป็นการยั่วยุ…ให้ถึงจุดแตกหัก..!!!
ส่วน EU ที่เป็นลูกหม้อของอเมริกามาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาสั่งให้หันซ้ายหันขวาก็ทำตามสิ้นทุกสิ่งอัน ทำแบบเดียวกับนาโต้ คือรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ จนจะกลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมเข้าไปทุกที เพราะการรับประเทศที่ยังไม่มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจเข้ามาอย่าง โปแลนด์, โรเมเนีย และฮังการี อียูต้องสนับสนุนงบร่วมพันล้านยูโร ต่อปี เพราะต้องช่วยยกระดับให้เขาเท่าเทียมทั้งทางเศรษฐกิจ และการศึกษา รวมไปถึงการก่อสร้างเส้นทางถนน ไฟฟ้า ประปา
" ดิฉันเห็นคนแก่ๆฝรั่งเศสที่พกเศษสตังค์ในกระเป๋ากุ๊กๆกิ๊กๆ เขี่ยแล้วเขี่ยอีก เพื่อหารวมให้ได้ครบที่จะซื้อขนมปังในตอนเช้า สำหรับเอาไว้กินได้ทั้งวัน" ยังมีอีกแถวที่รอที่จะเข้า EU เช่น Albania, Bosnia, Kosovo Montenegro และ Turkey ที่รอมานานเป็นสิบปีแล้ว ยังไม่ไปไหน
ล่าาาาสุด…………… (คำฮิต) ก็มี ยูเครนมาจ่อคิว……ที่เพิ่งจะส่งใบสมัครด้วยท่าทางปลื้มปริ่มปรีดา…
นี่คือเหตุผลที่อังกฤษ…ทำ Brexit ขอออกจากอียู เพราะมาช่วยอุ้มค่อมกันไม่ไหว เอาเงินไปทะนุบำรุงพลเมืองของตัวเองจะดีกว่า…
ดิฉันเล่ามาให้ฟังแบบให้เห็นในวงแคบๆ เพราะวงกว้าง…คือการที่จะต้องไปหาอ่านเอา วิเคราะห์ตาม ดิฉันได้เขียนล้อมเอาไว้ทุกเรื่องเช่น ลอดลายรั้ว…วินด์เซอร์, เลิศเลอวงศา……โรมานอฟ, ฮิตเล่อร์, ซูคอฟ ยอดขุนพลผู้ดับฝันฮิตเล่อร์…และ เรื่องอลหม่านหลังม่านวันดีเดย์ ที่รวบรวมมาจากหนังสือที่ส่วนใหญ่เจ้าตัวเป็นคนเขียนเอง เช่น Gen. George Patton และ Field Marshal Bernard Montgomery และ Field Marshal Georgy Zhukov
(( อ่านบนความ เพิ่มเติม : http://www.iseehistory.com ))
แต่ละชุดที่เขียน…ล้วนเป็นมหากาพย์ ยืดยาวหลายตอน ทั้งหมดต่อเนื่องกันกันเป็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงโลกในศตวรรษที่ยี่สิบ
สำหรับตัวเอง…คือ ดีต่อใจ ที่รู้ทันข่าว พออ่านเกมระหว่างประเทศได้ ที่อยากเล่าสู่กันฟัง คือ เล่ห์เหลี่ยมของสงคราม และ ของผู้นำที่ล้ำลึกนัก
เป็นที่รู้กันว่า สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ ที่ต้องมาเป็นเสาหลักในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ต้องยอมร่วมสังฆกรรมสงครามกับสตาลิน เพราะยุโรปเอานาซีไว้ไม่อยู่ รัสเซียในตอนนั้นก็แทบรับมือกับนาซีไว้ไม่ได้เช่นกัน ทั้งๆที่….ไม่ชอบหน้ากัน
อเมริกา…ให้การช่วยเหลือแบบกระปริบกระปรอยกับรัสเซีย โดยผ่านทางเชอร์ชิลล์ให้เป็นผู้นำส่ง .. รัสเซียเสียทหารมากเพราะอาวุธไม่ทันสมัย เรือขนอาวุธที่ส่งมาให้จากอังกฤษก็ถูกทัพเรืออูเยอรมันล่มแล้วล่มเล่า การสู้รบของรัสเซียคือ ถาโถมใส่ทหารเข้าไปปะทะกับปันเซอร์ด้วยอาวุธเพียงน้อยนิด…จนสตาลินต้องยื่นคำขาดว่า……ถ้าไม่มาช่วยกันรบให้เต็มรูปแบบก็จะยอมแพ้นาซีให้รู้แล้วรู้รอด……เพราะกองทัพปันเซอร์ได้จ่อเข้ากรุงมอสโคว์แล้ว เหลือเพียงร้อยกิโล
นั่นแหละ……อเมริกาจึงได้ส่งกำลังทัพมาเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากที่รอให้รัสเซียเปลี้ยก่อน…..เพราะเหตุผลคือ………หลังจากกำจัดฮิตเล่อร์แล้ว….อเมริกาจะตลบหลังมหามิตรรัสเซียด้วยการจะเข้าบุกมอสโคว์ ล้มล้างระบบคอมมิวนิสต์เสียเลยทีเดียว (ขนาดรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกัน………)
นี่คือนโยบายที่ นายพลแพตตั้นได้รับมา…และเขาได้เร่งเร้าให้เชอร์ชิลล์รีบดำเนินการหลังจากที่เยอรมันลงนามในการวางอาวุธเพียงวันเดียว….
โชคดี……ที่ เชอร์ชิลล์ยังรู้สึกสยองกับศพทหารในวันยกพลขึ้นบก…เขาตอบไปตรงๆว่า อังกฤษยังไม่พร้อม…
แต่ข่าวนี้ ได้รั่วออกไปสู่หูประชาชนว่า อังกฤษและอเมริกาจะทำศึกกับรัสเซีย…
ผลคือ วินสตัน เชอร์ชิลล์ ไม่ได้รับการเลือกตั้ง……จากฮีโร่สงครามกลายมาเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจไปเพียงชั่วคืน………
ส่วนอเมริกาได้เรียนรู้วิถีการทำอาณานิคมแบบใหม่จากฮิตเล่อร์ และยิวนั่นคือ
"สร้างความสามัคคีบนความแตกแยก"
ใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ แล้วครอบงำด้วยการทหารและระบบทุน ทั้ง อเมริกาและรัสเซีย ต่างเล่นเกมเดียวกัน คุมพื้นที่ให้เป็นรัศมีออกไปโดยรอบเพื่อป้องกันตัว
ต่างกันตรงที่……รัสเซียก็ชัดเจน ว่าเป็นโหดสัสรัสเซีย ถ้าดูหน้าตาไม่มีอันตรายต่อกัน ก็ต่างคนต่างอยู่………ใครแหลมมา..มีสวน…
แต่เราไม่เคยรู้ว่าอเมริกา…อเมริกาที่เป็นเจ้าแห่งโลกประชาธิปไตยที่เราพูดถึงนั้น…ที่แท้จริงแล้ว……เขาเป็นใคร??
บ ทความโดย : Wiwanda W. Vichit
Tweet