กลางดึกในห้องนอนที่เงียบสงัด… เสียงนาฬิกาเดินติ๊กต่อก ติ๊กต่อก แต่ร่างกายกลับไม่อาจนอนหลับยาวได้ เพราะต้อง “ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำอีกแล้ว”
การที่ได้นอนหลับสบายๆ ตลอดคืน... ดูเหมือนจะเป็นความฝันสำหรับใครหลายๆ คนใช่ไหมคะ? โดยเฉพาะคนที่ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่อง เช้ามาก็งัวเงีย อ่อนเพลีย แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการลุกเดินตอนมืดๆ อีกด้วย อาการแบบนี้แหละค่ะ ที่เราเรียกว่า "โรคน็อคทูเรีย (Nocturia)" หรืออาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
และ... อย่าเพิ่งคิดตัดสินไปเองว่า อาการนี้เป็นเรื่องปกติ ที่ต้องยอมรับไปตามวัยนะคะ เพราะแท้จริงแล้ว มันคือสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกเราว่า “มีอะไรบางอย่างผิดปกติ” ค่ะ
วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันแบบเข้าใจง่ายๆ พร้อมวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อให้คุณกลับไปนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มอีกครั้งค่ะ
น็อคทูเรีย...
แค่ปวดปัสสาวะกลางคืน
หรือสัญญาณของปัญหาสุขภาพ ?
🩺 ทำความรู้จัก “น็อคทูเรีย”
หลายคนเข้าใจว่า การตื่นกลางดึกเพื่อปัสสาวะเป็นเรื่องปกติของคนสูงอายุ หรือเกิดขึ้น จากสาเหตุเพราะดื่มน้ำก่อนนอนมากเกินไป ..... แต่ในมุมมองทางการแพทย์ “น็อคทูเรีย” หมายถึง อาการที่ต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป ในตอนกลางคืน ที่หากเกิดบ่อยครั้ง ทุกๆวัน คืนละสองครั้งขึ้นไป.... อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และการนอนหลับ นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ควรปรึกษาคุณหมอค่ะ
เพราะ... การนอนหลับ เป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง ทั้งสมอง กล้ามเนื้อ และระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อเราต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะหลายครั้ง สมองจะถูกปลุกซ้ำๆ วงจรการหลับลึก (deep sleep) ถูกขัดจังหวะ ส่งผลให้ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย และประสิทธิภาพการทำงานลดลงในระยะยาว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ภาวะนี้เพิ่มความเสี่ยง “หกล้ม” หรือ “กระดูกหัก” จากการลุกตอนกลางคืนในที่มืดได้อีกด้วย ... นอกจากนี้ ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ และนำไปสู่ปัญหาตามมาในตอนกลางวัน เช่น อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง , สมาธิไม่ดี , ความจำลดลง , หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน
🔍 สาเหตุหลักของภาวะ น็อคทูเรีย...
มีอะไรบ้าง ? เรามาดูกันค่ะ ...
- ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มก่อนนอนมากเกินไป ... โดยเฉพาะน้ำชา กาแฟ แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- การทำงานของไตและฮอร์โมนเปลี่ยนไป ตอนกลางคืน ... ผู้สูงอายุมีการหลั่งฮอร์โมน “ADH” (antidiuretic hormone) ลดลง → ร่างกายจึงขับน้ำออกมากขึ้นในเวลากลางคืน
- โรคหรือภาวะทางกายภาพ ต่อมลูกหมากโต (ในผู้ชาย) , กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว (overactive bladder) , ภาวะหัวใจล้มเหลว (น้ำในร่างกายคั่ง → ขับออกตอนนอน) , เบาหวาน หรือ เบาหวานจืด , ไตเสื่อม หรือภาวะบวมน้ำ , ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep apnea)
- ผลจากยา เช่น ยาขับปัสสาวะ (diuretics) เช่น ยารักษาความดันโลหิต
แนวทางการดูแลตัวเองและรักษา
โรคน็อคทูเรีย
การรักษาภาวะน็อคทูเรีย ต้องพิจารณาจากสาเหตุที่แท้จริง แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็เป็นด่านแรกที่สำคัญมากๆ ค่ะ
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Lifestyle Modification)
🥂 จำกัดปริมาณการดื่มน้ำก่อนนอน : พยายามลดหรือเลิก ดื่มน้ำ ของเหลว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน
🍽️ ลดอาหารรสเค็ม/โซเดียมสูง : อาหารรสเค็มจัด จะทำให้ร่างกายเก็บน้ำมากขึ้น และเพิ่มปริมาณปัสสาวะ
🦵 ยกขาสูง/ใส่ถุงน่อง : ในระหว่างวัน หากคุณมีอาการเท้าหรือข้อเท้าบวม (บวมน้ำ) การยกขาสูง หรือใส่ถุงน่องสำหรับคนบวมน้ำ (Compression Stockings) ในช่วงบ่าย อาจช่วยให้ของเหลวที่สะสมอยู่ไหลกลับเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตและถูกขับออกเป็นปัสสาวะในระหว่างวันได้มากขึ้น แทนที่จะถูกขับออกตอนกลางคืน
🫤 ฝึกควบคุมกระเพาะปัสสาวะ : ฝึกกลั้นปัสสาวะให้นานขึ้นเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความจุของกระเพาะปัสสาวะ (ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดก่อน)
🧘 ออกกำลังกายอุ้งเชิงกราน (Kegel Exercise) : ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการปัสสาวะ
2. 🩺 การรักษาทางการแพทย์ และ การตรวจวินิจฉัย
หากปรับพฤติกรรมแล้ว ยังพบว่า อาการยังไม่ดีขึ้น การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ (ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ ) เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ คุณหมอจะทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัด เช่น
🧑⚕️ การซักประวัติและบันทึกการปัสสาวะ (Voiding Diary) : จดบันทึกปริมาณน้ำดื่ม เวลาปัสสาวะ และปริมาณปัสสาวะ
🩺 การตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการ : เช่น ตรวจเลือดเพื่อดูโรคเบาหวานหรือไต, ตรวจปัสสาวะ, และอัลตราซาวด์
💊 การใช้ยา : คุณหมออาจพิจารณาให้ยาที่เหมาะสมกับสาเหตุ เช่น ยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ, ยาที่ช่วยควบคุมการผลิตปัสสาวะตอนกลางคืน (เช่น Desmopressin), หรือยาสำหรับรักษาต่อมลูกหมากโต (ในผู้ชาย)
โรคน็อคทูเรีย ไม่ใช่แค่เรื่องน่ารำคาญ ตามวัย แต่เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตอย่างจริงจังค่ะ หากคุณหรือคนใกล้ชิดต้องตื่นมาปัสสาวะบ่อยจนเกิน 2 ครั้งต่อคืน และรู้สึกว่าการนอนหลับถูกรบกวน อย่าลังเลที่จะปรับพฤติกรรมเบื้องต้น และที่สำคัญที่สุดคือ ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และรับการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณกลับมามีค่ำคืนที่เต็มอิ่มและเช้าที่สดใสได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้งค่ะ
😴 การนอนหลับอย่างต่อเนื่อง คือ พื้นฐานของสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ และเมื่อเรานอนหลับดีได้เต็มที่ ร่างกายก็จะขอบคุณเราทุกเช้า
📚 แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Bosch, J. L., & Weiss, J. P. (2010). The prevalence and causes of nocturia. Journal of Urology, 184(2), 440–446.
- Hashim, H., & Abrams, P. (2007). Nocturia: the causes and consequences of a common, but underappreciated, condition. European Urology, 52(3), 871–879.
- National Institute on Aging (NIA). Nocturia: Frequent urination at night. https://www.nia.nih.gov
- Mayo Clinic. Frequent urination at night (Nocturia): Symptoms and causes. https://www.mayoclinic.org
- Cleveland Clinic. Nocturia: Causes, symptoms, and treatment. https://my.clevelandclinic.org
- สมาคมศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะแห่งประเทศไทย (Thai Urological Association): สำหรับข้อมูลทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะและโรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของน็อคทูเรีย
- บทความ/วารสารทางการแพทย์จากสถาบันการศึกษา: เช่น บทความเรื่อง "อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนในผู้สูงอายุ" หรือ "แนวทางการวินิจฉัยและรักษาอาการปัสสาวะมากตอนกลางคืน" จากเว็บไซต์วารสารของคณะแพทยศาสตร์ต่างๆ ในประเทศไทย
- สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข: สำหรับการยืนยันข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้องและตอบโต้ข่าวปลอม (เช่น ประเด็นเรื่องการดื่มน้ำหลังปัสสาวะกลางคืน)
Tweet