9/23/67

ที่มาของกระแสข่าวลวง กลยุทธ์ที่ซ่อนเร้นของขบวนการ Neo-Marxism

ช่วงนี้ ในพื้นที่สื่อ มีการกระปั่น กระแสข่าวลวง ที่ส่งผลทางลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง .... 
    
   

      จากที่ได้เคยเล่าให้ฟังเรื่อง  ทฤษฎีการวางกรอบ ( Framing Theory ) ในโพสต์ก่อนๆ ก็บังเอิญมีตัวอย่างการพาดหัว เรื่อง “คนเก่งต้องไม่พอเพียง”   ในโพสต์ที่แล้ว  
 
    ช่วงนี้ก็มีตัวอย่างการวางกรอบอีกแล้วครับ กรณีการนำเสนอข่าว ของสื่อบางสำนัก เรื่องราชตฤณมัยสมาคมฯ เตรียมแผนสร้าง Entertainment Complex แต่ไม่ได้บอกว่าที่ไหน   (วางกรอบการนำเสนอไว้แค่นั้น) นอกจากนั้นแล้วยังมีการวงเล็บต่อท้ายราชตฤณมัยสมาคมฯ ด้วยว่า “สนามม้านางเลิ้ง”

    ก็เป็นเรื่องเลย เพราะมีกระแสว่า อ้าว ....ไหนบอก  ในหลวงเอาสนามม้านางเลิ้งมาทำเป็นสวนสาธารณะ ทำไมกลายเป็น Entertainment Complex ? 

    นอกจากนั้นแล้ว  ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ เอาไปเล่นต่ออีกมากมาย ส่งผลให้ ไปๆมาๆ กลายเป็นกระแสโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์  จากการรับรู้ที่ผิดๆ ไป   ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีอะไรเลย !??  

  สื่อฯ รายแรกที่ลงว่า

   “สนามม้านางเลิ้ง”  ต่อมา ก็ Edit ข้อความ ลบไปเนียนๆ แล้ว  .... แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะปั่นกระแสอยู่ และความรับรู้ที่ผิดๆนี้บางทีก็ยังคงอยู่อย่างเนิ่นนาน ....




ตัวอย่างการรับรู้ผิดๆ  ที่ยังยืนยงคงอยู่ ที่ชัดเจนก็อย่างเช่น   เรื่อง “ตายายเก็บเห็ด” นั้นไงครับ....


ทฤษฎีการไหลสองจังหวะ
(Two-step Flow Communication) 

    ในทางทฤษฎีสื่อสารมวลชน   มีอยู่ทฤษฎีหนึ่งที่อธิบายปรากฎการณ์เหล่านี้ได้ คือ 
ทฤษฎีการไหลสองจังหวะ (Two-step Flow Communication)  

    กล่าวคือ ... จังหวะแรก  ข่าวสารจะไหลจากสื่อจะไปหาอินฟลูเอนเซอร์ก่อน .... จังหวะที่สอง  จากอินฟลูเอนเซอร์ ก็จะไหลไปหาประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้ติดตาม ...

    ปัญหาของปรากฎการณ์นี้ คือ เมื่อสื่อกำหนดวาระของข่าว (Agenda Setting) แล้ววางกรอบ ( Framing ) รอบที่หนึ่ง ข่าวสารก็จะถูกชี้นำไปแล้วส่วนหนึ่ง    เมื่ออินฟลูเอนเซอร์วางกรอบของตนเองอีกรอบที่สอง ข่าวสารก็จะยิ่งถูกชี้นำเพิ่มขึ้นไปอีก

      .....และประชาชนผู้รับข่าวสารจากจังหวะการไหลที่สอง นี้ น้อยคนนัก  ที่จะตรวจสอบไปยังต้นธารแห่งการไหลของข่าวสารนี้  ....  จึงปรากฎว่า ประชาชนปลายทางของข่าวสาร มีความเชื่อที่ผิดๆ อยู่หลายต่อหลายเรื่อง    (  ซึ่งต้นทางบางทีก็ Edit ข้อความหนีไปแล้ว )

     ในกรณีการรับรู้ที่ผิดพลาดเกี่ยวกับสถาบันฯ ก็ส่งผลให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน เมื่อบางคนแสดงออกมาอย่างไม่เหมาะสม ก็ถูกดำเนินคดี ม.112 เมื่อมีประชาชน ถูกดำเนินคดี ก็มีคนนำไปปั่นกระแสโจมตีสถาบันต่อ ....


ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ช่วงนี้มีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก
สื่อบางสำนักคงไม่ได้ทำหน้าที่กระจกสะท้อนสังคมกระมังครับ



แนะนำให้อ่านหนังสือ The Complete Reporter Fundamentals of News Gathering, Writing, and Editing 7ED โดย Kelly Leiter, Julian Harris และ Stanley Johnson


ในหนังสือเล่มนี้มีจรรยาบรรณอยู่ข้อหนึ่งที่ควรยึดถือ

“ต้องเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านแก่ผู้รับสาร (The truth and the whole truth)”


“การไหลแบบหลายจังหวะ 
  ( Multistep Flow of Communication)”  

        ในยุคที่ข้อมูลแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย การสื่อสารไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ “การไหลสองจังหวะ” อีกต่อไป

       เรากำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า  “การไหลแบบหลายจังหวะ ( Multistep Flow of Communication)”  

     ซึ่งข้อมูลถูกกระจายไปในหลายชั้น หลายระดับ ทำให้ สาระสำคัญถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ จนในที่สุด คนจำนวนมากกลับไม่รู้ว่า ความจริงคืออะไร ...



       จากเคสการปั่นกระแสเรื่องไม่ผ่านช่วงทดลองงานเพราะใส่เสื้อส้มและพูดอีสาน (ใครยังไม่ทราบเคสนี้ไปอ่านสรุปที่นี่ครับ https://www.facebook.com/share/p/XFBPN7EEdJKq5jt3/ ) --- เราจะเห็นการปั่นกระแสอย่างเป็นระบบครับ



     เหตุการณ์นี้  มันเริ่มจากโพสต์เล็กๆ ในเฟซบุ๊ก แล้วถูกขยายไปในหลายขั้นตอน เริ่มจาก การแชร์โดยเพจใหญ่ที่มีผู้ติดตามหลายล้าน ....สื่อหลักนำไปเล่นข่าว และสุดท้ายเกิดการทำมีมล้อเลียนในเพจหลักแสนหลายเพจ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นกระแส สุดท้ายคนก็แชร์มีมไปด่ากันสนุกสนาน ....




“กลยุทธ์ที่ซ่อนเร้นของขบวนการ Neo-Marxism” 

       การไหลแบบหลายจังหวะ   เป็นเครื่องมือสำคัญของพวก Neo-Marxism ในการควบคุมการรับรู้ของสังคม เมื่อข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน แต่ละขั้นตอน จะถูกบิดเบือนตามวัตถุประสงค์ของผู้กระจาย ข่าวลือ และการสร้างกระแสผ่านมีม เพจใหญ่ หรือสื่อหลัก


เป้าหมายของพวก  Neo-Marxism คืออะไร ? 
“เป้าหมาย คือ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคม”

       พวก Neo-Marxism นั้น ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ที่มองว่า "ความรักชาติเป็นเครื่องมือของชนชั้นนำ"   ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามทำให้  ความรักชาติ กลายเป็นเรื่อง "ล้าสมัย" ในสายตาของคนรุ่นใหม่  ด้วยการปั่นกระแสข่าวลวงและการบิดเบือนความจริง ....

       ก็บังเอิญ ไปเจอบทความเรื่องเกี่ยวกับ  การปฏิวัติสี ที่เขียนโดยมุมมองนักการทหารของรัสเซีย เรื่อง “Color Revolutions in Russia : Possibility and Reality” 

     กล่าวถึงความพยายามของชาติตะวันตกที่จะทำให้ ชาติเป้าหมาย อ่อนแอลง และเปลี่ยนทิศทางทางการเมือง จากแนวชาตินิยมเป็นสนับสนุนตะวันตก เพื่อจะเข้ามาควบคุมทรัพยากร

มันช่างคล้าย กับสิ่งที่เกิดในสังคมไทยจริงๆ ครับ !!! 

     ซึ่งเรา   ก็จะเห็นร่องรอยความสัมพันธ์ ระหว่างชาติตะวันตกกับพวก Neo-Marxism อยู่ในหลายภาคส่วนเหมือนกับ ความสัมพันธ์ระหว่างชาติตะวันตก กับกลุ่มฝ่ายค้านที่เคยเกิดในช่วงการปฏิวัติสี 

   วันนี้ เราต้องตระหนักรู้ แล้วครับว่า กระแสที่เราเห็นในโลกออนไลน์ นั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นส่วนหนึ่งที่พวก Neo-Marxism ใช้   เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมืองของตน   โดยไม่สนใจว่าเป็นการบ่อนทำลายความแข็งแกร่งของชาติหรือไม่ !!! 

      ดังนั้น เราต้องตื่นรู้ และต้องระมัดระวังต่อกระแสเหล่านี้  อย่าให้การปั่นกระแสในโลกโซเชียล  ทำให้เราหลงเชื่อสิ่งที่ไม่เป็นจริง และอย่าให้พวกเขา ครอบงำวิธีคิดของเรา 

   เพราะหากเราไม่ตระหนักในวันนี้ วันหนึ่งประเทศไทยอาจตกเป็นเหยื่อ เป็นเพียงเครื่องมือของผู้มีอำนาจที่หวังเพียงแค่ผลประโยชน์ของตนเอง โดยไม่สนใจความอยู่รอดของประเทศ  และคนไทยครับ 


 


ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องนี้ 



ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand