2/21/65

หนังสือคนละเล่มและเราอยู่กันคนละบท [ SOCIAL VIEWs ]

เราทุกคนล้วนดำเนินอยู่ในหนังสือคนละเล่ม และเราล้วนเริ่มต้นชีวิตกันในคนละบท บางคนเกิดมาอยู่แค่ บทคำนำ  ในขณะที่บางคนอยู่ในบทที่ 10 แล้ว


 

เห็นวีดีโอ แวน นักธุรกิจพันล้าน แล้วก็อยากเล่าอะไรให้ฟัง ย้อนไปถึงวันที่ยังพยายามไขว่คว้าหาฝันและความร่ำรวยจากการทำ Startup ในช่วงสิบปีก่อนว่าได้เรียนรู้อะไรมาบ้างจากประสบการณ์จริง

บทความโดย :  Sittiphol Phanvilai

 
  • หนังสือคนละเล่มและเราอยู่กันคนละบท "เมื่อฐานะทำให้เราต่างกัน"
 
หนังสือคนละเล่มและเราอยู่กันคนละบท

        ช่วงที่ Startup บูม ๆ เราพยายาม Simplify ผู้ประสบความสำเร็จโดยโฟกัสไปที่ว่าเค้าประสบความสำเร็จ จบ แต่แทบไม่มีเลยที่จะมานั่งดูว่าก่อนจะมาถึงจุดนั้นเค้าต้องผ่านอะไรมาบ้าง รวมถึงคน ๆ นั้นจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างที่จะผ่านเรื่องราวเหล่านั้นได้โดยยังมีกินอยู่

พบว่าเรื่องราวนึงที่ทุกคนมีร่วมกันคือ เจ๊งไม่เป็นท่ามาหลายรอบมาก แต่ไม่เคยเลยที่บอกว่าเจ๊งแล้วต้องหักมาม่ากิน แต่ทุกคนคือเจ๊งแล้วเริ่มอันใหม่ทันที

และสาเหตุส่วนใหญ่ที่เกือบทุกคนมีร่วมกันคือ "เค้ารวย" ทำให้ชีวิตไม่ลำบาก สามารถเจ๊งกี่รอบก็ได้ ล้มก็เป็นการล้มบนฟูก ทำให้สามารถเริ่มทำอันใหม่ได้ทันทีจนวันนึงก็ประสบความสำเร็จได้

ต่อให้อยู่ในเกม Startup ที่ใช้เงินจาก VC แต่ความยากจนของ Founder ก็สามารถทำให้เหล่าผู้ก่อตั้ง Distract ได้ง่าย ๆ จนไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในเกมนี้ และ VC ก็จะไม่ให้ทุนสนับสนุนอีก

วงการ Startup มักไม่พูดถึงตรงนี้ แต่มักจะพุ่งเป้าไปแต่ความสวยงามของความสำเร็จ มันดีอย่างโง้นอย่างงี้ คนเกเรคนเลวก็ประสบความสำเร็จได้ ทำให้เกิดความกลวงขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ความจริงมีอยู่ว่า

"เราทุกคนล้วนดำเนินอยู่ในหนังสือคนละเล่ม 

และเราล้วนเริ่มต้นชีวิตกันในคนละบท"


บางคนเกิดมาอยู่แค่ บทคำนำ ในขณะที่ บางคนอยู่ใน บทที่ 10 แล้ว

แต่พอเรามาพูดถึงความสำเร็จ เรากลับไม่มานั่งกางว่าใครอยู่ในบทไหน แต่กลับมาพูดถึงแค่บทสุดท้าย ทั้งๆ ที่แต่ละคนเริ่มต้นคนละจุดกัน


  • ต้นทุนชีวิตคือสิ่งสำคัญ

ทั้งหมดที่พูดมามันก็คือคำว่า "ต้นทุนชีวิต" นั่นแหละ แต่ละคนมีมาไม่เหมือนกัน

....   และต้นทุนชีวิตนี้ ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่มีเรื่องอื่นด้วย เช่น Connection ( รู้จักคนโน้นคนนี้ ) หรือการมีสินทรัพย์บางอย่างที่คนอื่นไม่มี  หากจะศึกษาว่าใครประสบความสำเร็จ อย่าลืมศึกษา "ต้นทุนชีวิต" ด้วยเสมอ

   ให้มองภาพว่า  มันคือ ลู่วิ่ง ที่มีเส้นชัยเหมือนกันคือความสำเร็จ แต่จุดเริ่มต้นต่างกัน มันจะมีค่าถ้าเราเรียนรู้ว่าใครที่มีอะไรแบบนี้จะสามารถเดินไปทางไหนได้บ้างเพื่อถึงปลายทาง แต่มันจะไร้ค่าทันทีถ้ามองแค่ว่าปลายทางเป็นยังไง โดยไม่สนใจเลยว่าต้นทางและระหว่างทางเป็นอย่างไร

  •  ไม่ต้องรวยก็สำเร็จได้ แต่ ... 

   แต่ถามว่าทุกคนแบบ 100% เลยมั้ย ที่ต้องรวยก่อน ถึงจะประสบความสำเร็จ ? ตอบว่าก็ไม่ใช่

มีอยู่จำนวนนึง ที่เริ่มมาจาก ความยากจน อดมื้อกินมื้อ แล้วก็ลุยมาจนถึงความสำเร็จได้ ...

     คนเหล่านี้เป็นอะไรที่น่าศึกษาที่แท้จริง เพราะต้นทุนชีวิต แย่กว่าคนอื่นเค้า แต่ก็ไปถึงปลายทางที่น้อยคนจะไปถึงได้  ...  อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่าในบรรดาผู้ประสบความสำเร็จทั้งหมด มีอยู่แค่ไม่กี่คน ( อาจจะน้อยกว่า 1% ) เท่านั้น ที่ไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน หากไม่มีต้นทุนชีวิตแต่อยากลุยทำธุรกิจไปถึงปลายทางในโลกทุนนิยม ก็ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ให้ถ่องแท้เรียบร้อยก่อนด้วย

  • ทุกคนต้องประเมินจุดของตัวเอง

     ปลายทางที่ทุกคนหวังไว้อาจจะเหมือนกัน แต่ต้นทาง และระหว่างทาง ของคนเรานั้นไม่เคยเหมือนกันเลย สิ่งที่สำคัญ คือ  

"เราต้องรู้ว่าเราอยู่ตรงไหนและหนทางที่จะไปเป็นยังไงโดยอิงจากความเป็นจริง"

     การเดินตามทางของคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่สามารถประกันอะไรได้เลยว่า เราจะเป็นไปแบบเดียวกัน หนำซ้ำ อาจจะเป็นคนละเรื่องเลยก็ได้ คนนั้นอาจจะสำเร็จส่วนเราอาจจะล้มละลายไม่มีบ้านอยู่

เพราะทุกคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลย


  •  หากยังไม่พร้อมอย่าเพิ่งทำธุรกิจ

    การเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่าย มันตามมาด้วยหนี้สิน และภาระมากมาย หากประเมินตัวเองแล้วว่าไม่พร้อมก็อย่าเพิ่ง ใช้เวลาเตรียมความพร้อมแล้วค่อยลุยเมื่อพร้อมก็ไม่สาย (หรือถ้าไม่พร้อมเลยอย่างน้อยก็ไม่อดตาย)

  • คำแนะนำจากคนอื่น ฟังได้แต่ ..ต้องตัดสินเองในบริบทของตัวเอง

      ก็ไม่แปลกที่คนที่โหยหาความสำเร็จ แต่ยังเพิ่งเริ่มต้นนั้นจะวิ่งหาคำแนะนำจากคนโน้นคนนี้ ฟังดูเหมือนก็จะดีแต่จริง ๆ แล้ว  มันจะกลายเป็นสิ่งอันตรายทันทีถ้าไม่เข้าใจเรื่องข้างบน

     คนเราทุกคนล้วนต่างกัน ฐานะ ต้นทุนชีวิต Connection ฯลฯ การจะเอาคำแนะนำจากอีกคนที่มีบริบทต่างกันทุกประการมาใช้เลยกับอีกคนนึงนั้นเป็นไปไม่ได้ ต่อให้คนแนะนำนั้นเก่งแค่ไหน มันก็ไม่เหมือนกัน หากฝืนทำนี่เราจะเรียกว่าหายนะเลยหละ

วิธีที่ถูกต้อง คือ  "เราควรรับฟังทุกอย่าง แล้วนำมันมาประยุกต์ในบริบทของตัวเอง อันไหน เหมาะสมก็ทำตาม อันไหนไม่เหมาะไม่ควรนี่ให้โยนทิ้งไป
   ที่สำคัญคือ "เราต้องตัดสินใจเอง" อย่าให้คนอื่นมาชี้ให้เราทำอะไร รับฟังแล้ว ตัดสินใจเองเสมอ "ด้วยสติปัญญา"

  • คำแนะนำของคนรวยที่ไม่เคยจนนั้นอันตราย

      เรื่องสุดท้ายที่อยากฝากไว้คือ ชีวิตนี้ผ่านคำแนะนำของคนมาเยอะมาก และพบว่าคำแนะนำของคนรวยที่ไม่เคยจนนั้น " อันตรายมาก ๆ" เพราะเขาไม่เคยรู้ว่าความลำบากในทุกวินาทีนั้นเป็นอย่างไร คำแนะนำจึงมักจะออกมาจากบริบทของคนรวยที่พร้อมล้มบนฟูก

     และหากคน ที่รับคำแนะนำ เป็นคนไม่ได้ร่ำรวยอะไร แล้วเกิดทำตามขึ้นมา เกิดวันนึงล้มลงก็อาจจะไม่สามารถกลับมายืนได้อีกเลยก็เป็นไปได้ ส่วนคนแนะนำก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรไปด้วย

สุดท้ายก็เป็นเรื่องเดิมก่อนหน้านี้ 

"นำคำแนะนำทุกคนมาใช้ในบริบทตัวเอง อย่าแค่ฟังแล้วทำตามดื้อ ๆ"

 แล้วทุกอย่างจะดีเอง

=== สรุป ===

อยากประสบความสำเร็จให้รวยก่อนนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ถ้ายังไม่รวยก็ทำให้ตัวเองรวยก่อนแล้วค่อยลุยต่อนะ

 

บทความโดย :  Sittiphol Phanvilai

 


 

หนังสือ: งานประจำสอนทำธุรกิจ
 
การทำงานประจำก็ดูกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อที่ต้องอดทนให้ผ่านไป จะดีแค่ไหน ถ้าเราเปลี่ยนการทำงานประจำในแต่ละวันให้กลายเป็นบทเรียนสอนวิชาสร้างธุรกิจ ให้เราใช้เวลาแต่ละวันได้อย่างคุ้มค่าคูณสอง เป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพอย่างเต็มภาคภูมิ
   
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand