11/27/68

อิสลามอนุญาตให้กินหมูได้ ? คือ ข้อยกเว้นใน"ภาวะอุกฤษฏ์" Dharurah

กฎห้ามกินหมูในศาสนาอิสลาม มีความชัดเจน แต่เมื่อชีวิตตกอยู่ในอันตราย การบริโภคเนื้อหมูเพื่อรักษาชีวิต (Life Preservation) ในภาวะวิกฤต ภายใต้เงื่อนไขใดบ้าง? “ทำไมถึงอนุญาตได้?”, “เมื่อไหร่ถึงจะกินได้?”, “ต้องระวังอะไร?”


อิสลาม กินหมู ฉุกเฉิน

เมื่อความหิวโหยคุกคามชีวิต...

ศาสนาอิสลามอนุญาตให้กินหมูได้จริงหรือ ?

    แอดมิน Misc เชื่อว่า หลายคนทราบดี เรื่อง การรับประทาน "เนื้อหมู" เป็นหนึ่งในข้อห้ามที่เคร่งครัดที่สุดในศาสนาอิสลาม  (เรียกว่า หะรอม หรือสิ่งต้องห้าม)  บัญญัติข้อนี้ เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่ทราบว่า ภายใต้สถานการณ์ ที่เรียกว่า "ภาวะฉุกเฉิน" หรือ "ความจำเป็นสูงสุด" นั้น ศาสนาอิสลามได้เปิดทางออกที่น่าประทับใจ 

   บทความสั้นๆ สไตล์ Misc.Today ต่อไปนี้ จะพาคุณไปทำความเข้าใจหลักการสำคัญที่ซ่อนอยู่หลังข้อห้ามนี้ ว่า “ทำไมถึงอนุญาตได้?”, “เมื่อไหร่ถึงจะกินได้?”, “ต้องระวังอะไร?” ซึ่งเป็นหลักการที่สะท้อนถึงความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า (อัลลอฮ์) และการให้คุณค่าสูงสุดต่อ "ชีวิต" ของมนุษย์ บทความนี้จะพาอ่านแบบง่าย ๆ เล่าแบบชัด ๆ เข้าใจง่าย และไม่เครียดแน่นอนครับ



  โดยปกติแล้ว ใน ศาสนาอิสลาม มีข้อบัญญัติที่ชัดเจนมากเกี่ยวกับอาหารที่อนุญาตให้บริโภคได้ (เรียกว่า ฮาลาล) และอาหารที่ต้องห้าม (เรียกว่า ฮารอม หรือ หะรอม)  เนื้อหมู  และผลิตภัณฑ์จากหมูนั้น ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาด


🚨 “ละเว้นข้อห้ามชั่วคราว” เพื่อรักษาชีวิตได้

     แต่ชีวิตคนเรานั้น ไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นเสมอไปครับ  ในบางครั้ง เราอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายถึงขั้นวิกฤต ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า "สถานการณ์ฉุกเฉิน" หรือ "ภาวะอุกฤษฏ์" (Dharurah หรือ Darurat ในภาษาอาหรับ)

อิสลามให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์เหนือสิ่งอื่นใด และนี่คือ ที่มาของหลักการที่ชื่อว่า “Ḍarūra” (ดอรูเราะฮ์) ซึ่งหมายถึง “ความจำเป็นสุดขีดที่ห้ามหลีกเลี่ยง”

เพราะชีวิตคือสิ่งสำคัญ — คัมภีร์พูดไว้อย่างไร?

.... แม้อัลกุรอาน  จะระบุรายการอาหารต้องห้ามไว้ชัดเจน เช่น ซากสัตว์ , เลือด และ เนื้อหมู แต่ก็มี “ประโยคสำคัญ” ที่ นักวิชาการอิสลามทั่วโลก ใช้เป็นหลักในการตีความกรณีภาวะฉุกเฉิน ... คัมภีร์กล่าวว่า…

"แท้จริงแล้ว พระองค์เพียงแต่ทรงห้ามพวกเจ้าซึ่งสิ่งที่เป็นซากสัตว์ และเลือด และเนื้อหมู และสิ่งที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์ (ขณะเชือด) แต่ผู้ใดถูกบีบคั้น (ด้วยความจำเป็น) โดยมิใช่ผู้ขัดขืน และมิใช่ผู้ละเมิดขอบเขตแล้ว ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่เขา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ"

(อ้างอิงจากความหมายของคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะฮ์อัล-บะเกาะเราะฮ์ (บทที่ 2) อายะฮ์ (โองการ) ที่ 173)


แปลให้เข้าใจง่าย ๆ คือ “ถ้าการไม่กินจะทำให้ตาย — การกินจึงไม่เป็นบาป”

นี่คือหัวใจของหลัก “Ḍarūra” ทั้งหมด


  • Ḍarūra คืออะไร? (เล่าให้เข้าใจใน 1 นาที)
Ḍarūra = ความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
สถานการณ์ที่ ถ้าไม่ทำสิ่งต้องห้าม ชีวิตอาจเสียหายรุนแรงหรือตกอยู่ในอันตราย
นักกฎหมายอิสลามสรุปเป็นเงื่อนไขง่าย ๆ แบบ “ภาษาคนธรรมดา” ดังนี้ ...

✔ 1. ต้องเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินจริง ๆ - ไม่ได้ตั้งใจหาเรื่อง เช่น “อยากลองกินหมู เลยบอกว่าฉุกเฉิน” ไม่ได้นะครับ

✔ 2. ไม่มีทางเลือกอื่นที่ฮาลาลหรือปลอดภัยกว่า - ถ้ามีอาหารฮาลาลอยู่ แล้วมาช่วยอ้างว่าจำเป็น อันนี้ไม่เข้าข่าย

✔ 3. กินได้เฉพาะ “เท่าที่จำเป็น” – ไม่ได้หมายความว่ากินเป็นมื้อใหญ่ หมายถึงกินพอให้รอดชีวิต เพื่อให้ร่างกายอยู่รอดต่อไปได้

✔ 4. เมื่อพ้นเหตุฉุกเฉินแล้ว ต้องกลับมาทำตามหลักศาสนา – ห้ามใช้ข้อยกเว้นแบบต่อเนื่องหรือเป็นนิสัย


ตัวอย่างสถานการณ์จริงที่อนุญาต

เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น ผมยกตัวอย่างที่ใช้จริงในโลกของการ ออกฟัตวา***

  1. คนติดอยู่กลางทะเล/ทะเลทราย ไม่มีอาหารอื่นเลย  ... ถ้าร่างกายใกล้ตาย แล้วมีเฉพาะอาหารที่ต้องห้าม เช่น เนื้อหมู  → อนุญาตให้กิน “เพียงพอให้รอดชีวิต”

  2. ผู้ป่วยต้องได้รับยา / วัคซีนที่มีส่วนประกอบจากหมู .... บางกรณี แพทย์ยืนยันว่า ไม่มียาทดแทน หรือทางเลือกอื่นอาจเสี่ยงกับชีวิต  → หลัก Ḍarūra อาจถูกใช้ 
    (และนักวิชาการบางท่านยังใช้หลัก istihāla — การเปลี่ยนสภาพสารจนไม่เหลือสภาพเดิม)

  3. เหตุการณ์ภัยพิบัติ อาหารช่วยเหลือมีจำกัด   เช่น น้ำท่วมใหญ่ ไฟไหม้ ค่ายลี้ภัย หรือเหตุฉุกเฉินด้านมนุษยธรรม  หากไม่มีอาหารฮาลาลเหลือ → กินได้เท่าที่จำเป็น

*** การ "ออกฟัตวา" คือการที่ มุฟตี (นักกฎหมายอิสลามผู้ทรงคุณวุฒิ) ออก คำวินิจฉัยหรือคำตอบ ทางกฎหมายอิสลาม (ชารีอะฮ์) เพื่อตอบคำถามจากบุคคล ศาล หรือรัฐบาล วัตถุประสงค์คือการให้คำแนะนำ ชี้แจงเกี่ยวกับหลักการศาสนาอิสลามในประเด็นต่างๆ เช่น การดำเนินชีวิต การปฏิบัติศาสนกิจ การเงิน และพฤติกรรมส่วนบุคคล


ข้อควรรู้ 
“ข้อยกเว้นไม่ได้ลบล้างกฎเดิม” นี่เป็นจุดสำคัญที่อาจมีคนเข้าใจผิด อยู่มากครับ ....

ข้อยกเว้น = ทางรอด ... ไม่ใช่ใบอนุญาตถาวร

สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิม : อิสลามยัง “ห้ามกินหมู” ตามปกติ
การอนุญาตมีเฉพาะตอนฉุกเฉินสุดขีด
ไม่ได้เปลี่ยนกฎ แต่เป็นการ “เปิดพื้นที่ให้ชีวิตรอดก่อน”

วิธีคิดนี้สะท้อนหนึ่งในหลักใหญ่ของศาสนาอิสลามคือ
การคุ้มครองชีวิตมนุษย์ (Hifz al-Nafs)
ซึ่งถือเป็นวัตถุประสงค์ระดับสูงของชาริอะฮ์




แหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ 

  1. Quran.com – Surah Al-Baqarah 2:173 https://quran.com/en/al-baqarah/173  
  2. IslamWeb Fatwa – "Eating pork in case of dire necessity" https://www.islamweb.net/en/fatwa/117406 International Islamic Fiqh Academy – Resolutions & Recommendations https://iifa-aifi.org/wp-content/uploads/2021/12/Resolutions-Recommendations-of-the-IIFA-Official-Edition-Oct-2021.pdf
  3. Journal Article (Bioethics & Medicine) – การใช้หลัก Ḍarūra ในการแพทย์  https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC12630210/
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand