11/14/68

โลกออนไลน์ มันไม่ใช่ที่พักของจิตใจอีกต่อไป...

ผมไม่ได้เกลียดโลกออนไลน์ แต่แค่เริ่มรู้สึกว่า...  มันไม่ใช่ที่พักของจิตใจอีกต่อไป มันไม่ใช่ที่ที่เราจะเปิดเข้าไปหาอะไรดูสักอย่างในยามเหน็ดเหนื่อยหลังเลิกงาน หรือใช้เป็นเวลาที่เอาไว้หยุดพักเรื่องราวของเรา ก่อนจะหลับใหลเพื่อสู้ต่อไปในอีกวัน 


It's a digital cage, not a comfort zone.

It's a digital cage, not a comfort zone.

โลกออนไลน์ไม่ได้แย่ไปเสียหมด ... 
เพราะ... อะไรที่เล่นแต่พอดี อะไรที่เรารู้จักแยกแยะ มันก็ยังดีอยู่ ...

เพียงแต่...เรากำลังใช้มัน ในแบบที่ทำให้เรา "ห่างจากความเป็นคน" มากขึ้นทุกวัน ??!! 

เราลืมกันไปแล้วว่า เราสร้างมันขึ้นมาเพื่ออะไร ... แต่แทนที่เราจะเป็นผู้ใช้มัน เรากลับกลายเป็นผู้ที่ถูกมันใช้ ... เสียเอง....

โดยเฉพาะบางกลุ่ม  ที่พยายามจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า "ครีเอเตอร์" แต่แท้จริงแล้ว ควรจะถูกเรียกว่า "นักสร้างขยะ" เสียมากกว่า ....

ทำทุกอย่าง เพื่อให้เป็นจุดสนใจ สร้างเรื่อง สร้างราว จนเราไม่รู้ว่า สิ่งไหนจริง อันไหน "ตอแหล" เราต่างถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านหน้าจอเล็กๆ ในมือ กลายเป็นเครื่องมือสร้างเงินให้คนเหล่านั้นจากการหมกหมุ่นในจิตใจเรา ..

เทคโนโลยี ที่เคยเชื่อว่า
จะทำให้คนฉลาดขึ้น กลับทำให้คนโง่เง่ามากขึ้น ... 

เมื่อก่อน ผมคิดว่า คนแก่โดนหลอกง่าย แต่เดี๋ยวนี้เห็นชัดว่า เด็กวัยรุ่นก็โดนชักจูงง่ายไม่แพ้กัน ดูคอนเทนต์ แต่ละอย่าง อ่านคอมเมนต์แต่ละที โดยเฉพาะใน แอปคลิปสีดำ  ก็อดปวดหัวไม่ได้ว่า อีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า โลกจะเสื่อมลงไปอีกแค่ไหน .... ???  

คนติดตามเยอะ คนได้รางวัล ไม่ได้แปลว่า  มีความคิดดี มีคุณธรรม หรือแนวคิดที่น่าตาม เขาหรือเธออาจเพียงฉลาดมากพอที่จะหลอกเราให้เลิกสนใจเรื่องของตนเอง แล้วไปขยันสนใจเรื่องของพวกเขาแทน... มันก็แค่นั้นเอง ....

ไม่เพียงแต่คอนเทนท์ขยะ ยังมีขยะที่สอนการสร้างรายได้ สอนวิธีการเพิ่มผู้ติดตาม เห็นอันไหนดังให้ทำตามกันหมด ใช้อัลกอลิทึ่ม  มากกว่าที่จะใช้สมองของตนเอง  เพื่อสร้างสรรค์ให้มันดูน่าอยู่ขึ้น ....

   จนทุกวันนี้  เหลือแต่โพสต์เรียกแขก , สร้างกระแส , ทำทุกอย่างเพื่อให้คนสนใจ จนความเป็นตัวเองของแต่ละคนหายไปหมด เหลือเพียงสิ่งซ้ำซากที่ลอกต่อกันมา  ซึ่งมันต่างจากเมื่อสิบปีก่อน ที่เรายังนั่งอ่านเรื่องราวสนุกๆ ได้สาระ หรือแม้แต่ถ้าเป็นเรื่องดราม่า ก็ดราม่าที่มีชั้นเชิง ....

   ผมเชื่อว่า   อีกไม่นาน เราคงเห็นเนื้อหาดีๆ ลดน้อยลงจนแทบไม่เหลือ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมเห็นคนเขียนดีๆ ล้มเลิกไปมากมาย บางคนกลับไปใช้ชีวิตจริง บางคนหมดใจเพราะไม่มีใครอ่าน บางคนก็หันไปทำคอนเทนท์ (อย่างที่ว่า) ตามคนอื่นที่ได้รายได้มากกว่า ....

บางที  ... เราก็ควรฉุกคิดบ้างว่า  การไปสนใจว่าใครทำอะไร ที่ไหน ซื้ออะไร หรือมีกิจกรรมอะไร มันทำให้เรามีความสุขขึ้น   หรือทำให้เรามีชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร 

       การดูอะไรมากเกินไป ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย มันทำให้ป่วยจิตเสียมากกว่า ...

       เมื่อเราเลิกให้คุณค่ากับสิ่งที่ไม่ควรค่า เมื่อนั้นสิ่งที่ไร้ค่าก็จะค่อยๆ สูญหายไปเอง


ทัศนะของ :  Facebook >  I’m from Andromeda 


 🗨️  Top Comment

- ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้เล่น แอปดำ อย่างที่คุณว่า และมีแนวคิดที่ไม่ต่างจากคุณเลย เจตจำนงของ social media ตอนเริ่มต้น  หรือในยุค10 ปีแรก มันสวยงาม มันสร้างสังคมเพื่อนที่ดีๆ รวมถึงการที่เราได้เห็นได้ให้กำลังใจกับสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแม้ยามห่างไกล แต่ ณ ปัจจุบัน มันแทบจะไม่มีความรู้สึกนี้หลงเหลืออยู่ การกระทำต่างๆมันเหมือนดูเสแสร้งไม่จริงใจต่อกัน เน้นแต่ยอดวิวโดยไม่มีหลักการและแก่นสาร บ้างก็สร้าง fake News เพื่อผลประโยชน์  ....  ยอมรับว่าเหนื่อยใจมากๆ แต่ก็ยังต้องเข้ามาดูอะไรแบบนี้อยู่
เพราะหนังสือพิมพ์มันไม่ทันการ และการดูทีวีมันก็ไม่ตอบโจทย์ของเรามากว่า15 ปีแล้ว

/// ขอบคุณที่ยังเป็นกระบอกเสียง และน้ำสะอาด ที่ยังทำให้ผมและลูกเพจหลายๆชีวิต ได้เข้ามาพักจิต เกลาหัวใจ ครับ -

*** A'Bouy Kuung ***


ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand