6/18/68

โลกใบนี้ ก็เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่าง คือมีทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ | วันสิ้นโลก - Doomsday

  จุดจบในที่นี้ หมายถึง จุดจบของโลก ไม่ใช่จุดจบของมนุษยชาติ เพราะมนุษย์ไม่ใช่โลก อย่างที่หนังฮอลลีวู้ด และขบวนการโลกร้อนชอบทำให้เราคิดและเชื่อแบบนั้น .... 




     ถ้าเราย่ออายุ 4.5 พันล้านปี ของโลก ณ วันนี้ให้เหลือแค่ 24 ชั่วโมง โลกใบนี้จะจบเห่ลงในอีกประมาณ 26 ชั่วโมง 40 นาทีข้างหน้า ตามนาฬิกาโลก 24 ชั่วโมงของเรา หรือประมาณ 5 พันล้านปี จากนาทีนี้ อย่างที่เราทำอะไรไม่ได้ ช่วยอะไรไม่ได้ กัปตันอเมกา หรืออเวนเจอร์ก็ช่วยไม่ได้ ....

      ใครที่เคยกลัวว่า จะต้องทุกข์ทรมานจากการเห็นโลกล่มสลาย สิ้นสุดลง ก็คลายกังวล ได้นะครับ ไม่ได้เห็นแน่นอน ....

     จากวันนี้ถึงวันนั้น จะมีปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ ที่ทำนายได้เกิดขึ้นมากมาย จะเอามาเล่าเฉพาะที่สำคัญมากๆดังต่อไปนี้ละกัน ...

⚠️  การหยุดชะงักของกระแสน้ำเย็นและกระแสนํ้าอุ่นในมหาสมุทร

    กระแสน้ำทั้งสองอย่าง  ที่เป็นในปัจจุบันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 34 ล้านปีที่แล้ว หรือเมื่อ 10 นาทีที่แล้วตามนาฬิกาโลก 24 ชั่วโมงของเรา   เมื่อทวีปแอนตาร์กติก  แยกตัวออกจากทวีปอเมริกาใต้ จนทำให้เกิดช่องทางเปิดจนเกิดกระแสนํ้าแอนตาร์กติกา และพัฒนาต่อไป เป็นกระแสน้ำอย่างในปัจจุบัน  เมื่อทะเลระหว่างอเมริกาเหนือ  และใต้ปิดตัวลงเป็นช่องแคบปานามาในปัจจุบัน ...

    วันนี้ กระแสนํ้าที่ทำหน้าที่เป็นสายพานลำเลียง ถ่ายเททั้งอุณหภูมิ ความเค็ม และแร่ธาตุสารอาหาร อ่อนกำลังลงมาก  เพราะนํ้าแข็งขั้วโลกที่ละลายลงลด  ความเค็มของนํ้าทะเลที่ขั้วโลก และคาดว่าจะหยุดลงภายใน 1,000 ปีข้างหน้า  หรือภายในอีก 2 วินาทีตามนาฬิกา 24 ชั่วโมงของเรา ....  แต่ไม่รู้ว่า  เมื่อไหร่แน่ .... ซึ่งการหยุดของกระไหลเวียนของกระแสนํ้าอุ่นกระแสนํ้าเย็นจะทำให้อุณหภูมิที่ขั้วโลกลดตํ่าลง จนเกิดยุคนํ้าแข็ง  อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต


⚠️  การเกิดขึ้นของ มหาทวีป 

     การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก  ที่ลอยอยู่บนหินละลายจะทำให้ทวีปต่างๆ  มารวมกันเป็น  ทวีปขนาดยักษ์  อีกครั้งหนึ่ง ใน 200 - 250 ล้านปีข้างหน้า หรือ ในอีก 1 ชั่วโมง 20 นาที ตามนาฬิกาโลก 24 ชั่วโมงของเรา  ...

      เหตุการณ์นี้  เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 3 - 7 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด   เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 250 ล้านปีที่แล้ว
มหาทวีป  ที่จะเกิดขึ้นนี้ จะส่งผลให้ อุณหภูมิบนโลก ระหว่างผืนดิน โดยเฉพาะใจกลางทวีป และผืนนํ้ามหาสมุทร ต่างกันมากขึ้นมาก  !!!  โดนใจกลางทวีปจะร้อนจนไม่มีสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันอาศัยได้ ซึ่งจะทำให้เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศ ทั้งความแห้งแล้ง พายุฝน ลมพายุรุนแรง กว่าปัจจุบันมากมายหลายเท่า 

      หากมนุษย์ยังไม่สูญพันธุ์ไปจนหมด ก็จะอาศัยอยู่ได้แค่  ตามแนวขอบทวีปยักษ์  ที่ต้องผจญกับพายุและสภาพอากาศรุนแรงที่ว่า ซึ่งมีการคาคการณ์ว่า   หากเป็นเช่นนั้น เราคงย้ายลงไปอยู่ใต้ดิน  หรือใต้มหาสมุทร  แทนที่จะอยู่บนพื้นผิวโลกอย่างปัจจุบัน .... 


⚠️  การสูญพันธ์ของพืชและสิ่งมีชีวิต ครั้งสุดท้าย 

       ระหว่าง 500 ถึง 1,000 ล้านปีข้างหน้า หรืออีก 2 ชั่วโมง 40 นาที ถึง 5 ชั่วโมงครึ่ง โดยประมาณ ตามนาฬิกาโลก 24 ชั่วโมงของเรา  ....

     นับจากปัจจุบัน จะเกิดภาวะ Decarbonization   หรือบรรยากาศของโลก สูญเสียคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น  ไปเร่งกระบวนการดูดซับก๊าซนี้ จากบรรยากาศโดยหิน และแร่ธาติต่างๆ  เกิดเป็นสารประกอบคาร์บอนเนต  จนปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์  ไม่เพียงพอต่อการสังเคราะห์แสงชองพืช ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้น  ของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ของชีวิคบนโลกที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย !!!

      อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่า การย่อยสลายซากพืชซากสัตว์จำนวนมาก ที่ตายลงจะเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้บ้าง และอาจจะทำใ้ห้เกิดเห็ดรา  หรือพืชชนิดใหม่บางชนิดที่ วิวัฒนาการขึ้นมา  ให้อยู่รอดได้ในโลกที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยกว่าปัจจุบันมาก ...

       ในเวลานี้ หากมนุษย์ยังรอดอยู่ได้ เราจะไม่สามารถยู่บนโลกใบนี้ได้อีกต่อไป เราต้องออกไปหาดาวดวงอื่นเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ของเราให้คงอยู่ ...


⚠️  มหาสมุทรที่เหือดแห้ง 

     ดวงอาทิตย์ขยายตัวใหญ่ขึ้น ร้อนขึ้น และนํ้าในมหาสมุทร จะระเหยจนแห้งหมด  เป็นครั้งแรกใน 1.1 พันล้านปีข้างหน้า หรืออีก 6 ชั่วโมงตามนาฬิกาโลก 24 ชั่วโมงของเรา นับจากนาทีนี้ ....

       ไฮโดรเจน  ที่เป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ฟิวชั่นบนดวงอาทิตย์ลดน้อยลง ทำให้มวลของดวงอาทิตย์ลดลงตาม   ส่งผลให้  ดวงอาทิตย์ใหญ่ขึ้นมาก จนเข้าใกล้โลกมากขึ้น อุณหภูมิบนพื้นผิวโลก จึงเพิ่มสูงขึ้นมาก ...
ถึงตรงนี้ หากโลกยังมีสนามแม่เหล็กที่เกิดจากการไหลเวียนของเหล็กหลอมเหลวใต้ผิวโลก ที่เรียกว่า Geodynamo   ไอนํ้าจะยังอยู่ในชั้นบรรยากาศ เป็นเมฆฝนปริมาณมหาศาล หากยังมีชีวิตบนโลกซึ่งความน่าจะเป็นตํ่ามาก ชีวิตเหล่านั้น  จะต้องปรับตัวให้อยู่กับโลกที่เกิดพายุฝนตลอดเวลาทุกหนแห่ง จนแทบไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ แต่หากโลกไม่มี สนามแม่เหล็กโลก ที่ปกป้องคุ้มครองชั้นบรรยากาศแล้ว ก็จะไม่มีนํ้าอยู่บนโลกอีกต่อไป ซึ่งน่าจะไม่มีชีวิตใดๆเหลือบนโลกแล้ว !!!

⚠️   ดวงอาทิตย์ยักษ์กลืนกินโลกที่เหือดแห้ง

     อีกประมาณ 5 พันล้านปีข้างหน้าหรือ ประมาณ 26 ชั่วโมง 40 นาที ตามนาฬิกาโลก 24 ชั่วโมงของเรา นับจากปัจจุบัน ดวงอาทิตย์  ที่ใช้ไฮโดรเจนเกือบหมดแล้ว  จะกลายเป็นดาวยักษ์สีแดง ที่ขยายใหญ่จนกลืนกินดาวพุธ และดาวศุกร์ และน่าจะกลืนกิน "โลก" ที่ไร้ชีวิตในที่สุดด้วยเช่นกัน ....

     และเมื่อวันนั้นมาถึง แร่ธาตุต่างๆ   บนโลกบางส่วน   ก็จะถูกเผาด้วยอุณหภูมิสูงลิบ  จนหลุดออกจากซากของโลกสู่อวกาศกลายเป็นวัตถุดิบสำหรับชีวิตในอนาคตต่อไป ณ ที่ใดที่หนึ่ง


ภาพโลกที่เกือบถึงวาระสุดท้าย เจมินี่  ( Gemini ) ช่วยทำให้ .... 
ใครชอบดูคลิปวิดีโอ ผมแปะลิ้งค์ไว้ให้ละนะครับ


บทความ-เรียบเรียง โดย - Sompob Pordi



ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand