5/25/68

ฉัน ไม่ใช่ ฉันท์ | เขียนคำผิดแล้วเห็นว่าไม่เสียหาย คือความล่มสลายของภาษาไทย

คุณมีแรงเขียนคำผิด  ฉันก็มีแรงบอกคำถูก .... 
“ฉัน”    เป็นคำไทย
“ฉันท์”  เป็นคำบาลี  




(๑) “ฉัน” เป็นคำไทย

       พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554   เก็บคำว่า “ฉัน”  ไว้ 4 คำ บอกไว้ดังนี้ -

(1) ฉัน ๑ : (คำสรรพนาม) คำใช้แทนตัวผู้พูด พูดกับผู้ที่เสมอกันหรือผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อย, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.
(2) ฉัน ๒ : (คำกริยา) กิน (ใช้แก่ภิกษุสามเณร).
(3) ฉัน ๓ : (คำวิเศษณ์) เสมอเหมือน, เช่น, อย่าง, เช่น ฉันญาติ.
(4) ฉัน ๔ : (คำวิเศษณ์) มีแสงกล้า, มีแสงพุ่งออกไป, เช่น พระสุริฉัน.

ขอเสนอ  วิธีจำเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้  -
  • ฉัน ๑ ฉัน-กู
  • ฉัน ๒ ฉัน-กิน
  • ฉัน ๓ ฉัน-เหมือน
  • ฉัน ๔ ฉัน-ส่องแสง
จะเห็นได้ว่า คำธรรมดาที่เราพูดกันว่า “กิน” เมื่อใช้แก่ภิกษุสามเณร ใช้ว่า “ฉัน”

ฉ + ไม้หันอากาศ + น = ฉัน 
ฉันเช้า ฉันเพล ฉันภัตตาหาร

“ฉัน” เท่านี้ ไม่ต้องมี ท การันต์ 


(๒) “ฉันท์” เป็นคำบาลี

“ฉันท์” เขียนแบบบาลีเป็น   “ฉนฺท” อ่านว่า ฉัน-ทะ รากศัพท์มาจาก -

(1) ฉนฺทฺ (ธาตุ = ปรารถนา) + อ (อะ) ปัจจัย 
: ฉนฺทฺ + อ = ฉนฺท (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ความปรารถนา”

(2) ฉทฺ (ธาตุ = ปิด, บัง, ระวัง) + อ (อะ) ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ต้นธาตุแล้วแปลงเป็น นฺ (ฉท > ฉํท > ฉนฺท)
: ฉทฺ + อ = ฉท > ฉํท > ฉนฺท (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “บทประพันธ์ที่ปกปิดโทษคือความไม่ไพเราะ”
“ฉนฺท” ในบาลีใช้ในความหมาย 3 อย่าง คือ -

(1) สิ่งกระตุ้นใจ, แรงดลใจ, ความตื่นเต้น; ความตั้งใจ, การตกลงใจ, ความปรารถนา; ความอยาก, ความประสงค์, ความพอใจ (impulse, excitement; intention, resolution, will; desire for, wish for, delight in)

(2) ความยินยอม, ความยอมให้ที่ประชุมทำกิจนั้น ๆ ในเมื่อตนมิได้ร่วมอยู่ด้วย (consent, declaration of consent to an official act by an absentee) ความหมายนี้คือที่เราพูดว่า “มอบฉันทะ”

(3) ฉันทลักษณ์, กฎเกณฑ์ว่าด้วยการแต่งฉันท์, ตำราฉันท์; บทร้อยกรอง (metre, metrics, prosody; poetry)

      ****   ความหมายในข้อ (3) นี้ คือ   ที่ภาษาไทยพูดว่า “กาพย์กลอนโคลงฉันท์” บาลีไม่ได้เรียกแยกชนิดเหมือนไทย  คงเรียกรวมทุกอย่างว่า “ฉนฺท-ฉันท์” แต่มีชื่อเฉพาะ สำหรับฉันท์แต่ละชนิด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “คาถา”

ในภาษาไทย ใช้เป็น “ฉันท-”  (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) “ฉันท์” และ “ฉันทะ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ -

(1) ฉันท- ๑, ฉันท์ ๑ : (คำนาม) ชื่อคำประพันธ์ประเภทหนึ่งที่วางคำ ครุ ลหุ เป็นแบบต่าง ๆ. (ป.).
(2) ฉันท- ๒, ฉันท์ ๒, ฉันทะ : (คำนาม) ความพอใจ, ความรักใคร่, ความชอบใจ, ความยินดี; ความร่วมความคิดความเห็นกัน เช่น ลงมติเป็นเอกฉันท์, ความไว้เนื้อเชื่อใจ เช่น มอบฉันทะ. (ป.).

“ฉนฺท” ถ้าต้องการให้ออกเสียง “-ทะ” ก็เขียนว่า “ฉันทะ” ถ้าต้องการให้ออกเสียงว่า “ฉัน” ก็เขียนว่า “ฉันท์” (การันต์ที่ ท) ซึ่งเสียงพ้องกับ “ฉัน” คำไทย

ดังนั้น :

พระภิกษุสามเณร  ฉันเช้า ฉันเพล ฉันภัตตาหาร  ใช้ “ฉัน” <<  ตัวนี้ 

ฉันท์เช้า ฉันท์เพล ฉันท์ภัตตาหาร แบบนี้คือ  ❌  เขียนผิด อย่าใช้ “ฉันท์” ตัวนี้  !!!!

ขยายความ :

       พระภิกษุสามเณรในเมืองไทย โดยทั่วไป  "ฉัน" วันละ 2 เวลา คือ  เวลาเช้า ตั้งแต่ตะวันขึ้น  จนใกล้สาย หรือเวลาระหว่าง 07:00 นาฬิกา ถึง 08:00 นาฬิกา เรียกว่า “ฉันเช้า” และเวลาระหว่าง 11:00 นาฬิกา ถึง 12:00 นาฬิกา เรียกว่า “ฉันเพล”

      เปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 แถมให้ อีกคำหนึ่ง คือคำว่า   “เพล” พจนานุกรมฯ บอกไว้ดังนี้ -

    “เพล : (คำนาม) เวลาพระฉันกลางวัน คือ เวลาระหว่าง ๑๑ นาฬิกาถึงเที่ยง เรียกว่า เวลาเพล. (ป., ส. เวลา ว่า กาล).”

คำอธิบายในพจนานุกรมฯ บอกว่า “เวลาพระฉันกลางวัน” ก็สะกดว่า “ฉัน” เกลี้ยง ๆ แบบนี้ ไม่มี ท การันต์
“ฉันกลางวัน” ก็คือ “ฉันเพล”

แถม :

ถ้าคนไทยขยันเปิดพจนานุกรมกันให้มากขึ้น .....  คำที่เขียนผิด ๆ ก็จะน้อยลง...

      พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554   มีโปรแกรม   ที่สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งไว้ในโทรศัพท์มือถือได้ และเปิดอ่านได้ทุกที่ ไม่ต้องใช้สัญญาณอินเทอเน็ต ....

ถ้าเด็กไทย  ในวันนี้ แบ่งเวลาเขี่ยโทรศัพท์เล่นเกม (เล่นติ๊กต๊อก - แอดมิน)  
มาใช้เวลาเขี่ยโทรศัพท์อ่านพจนานุกรมกันบ้าง .... เพื่อ 

คนไทยวันหน้า -   ก็จะเขียนภาษาไทยถูกต้องมากขึ้น และคำที่เขียนผิด ๆ ก็จะน้อยลง 

 .... ภาษาไทยก็จะงามมากขึ้น และทรามน้อยลง.....

แต่น่าเสียดายที่ -  ......

  •  พ่อแม่ไทยวันนี้  ไม่ได้สอนลูกหลาน  ให้รู้จักพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (เพราะตัวพ่อแม่เองก็ไม่รู้จัก) 
  • ครูบาอาจารย์ในสถานศึกษาวันนี้  ก็ไม่ได้ปลูกฝังให้นักเรียนนักศึกษารักการเปิดพจนานุกรม ....

คำที่เขียนผิดสะกดผิด  จึงระบาดกลาดเกลื่อน ทั่วไปหมด
 .....ซ้ำร้าย กลับไม่มีใครเห็นว่าเสียหาย ?!!  


..............
ดูก่อนภราดา!

: เขียนคำผิดแล้วเห็นว่าไม่เสียหาย  คือความล่มสลายของภาษาไทย (และทุกภาษา)




พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand