9/15/66

เป็นรัฐบาลที่ดี จะไม่เข้าไปแทรกแซงตลาด

      สิ่งที่รัฐบาลนี้ เข้ามาบริหารประเทศอยู่ในช่วง ที่ไม่ค่อยดีนัก ในหลายเรื่อง ทั้งภายนอกประเทศและภายในประเทศ  สำหรับนักลงทุนและคนที่เก็บออมผมอยากจะเตือนในเรื่องบางสิ่ง.... บทความโดย : Pat Hemasuk

Public debt


....ผมคิดว่า .... มีคนไม่น้อย ที่ชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินออม ..ควรต้องฟังแล้วคิดให้มาก ว่า "ชีวิตจะเดินต่อไปอย่างไรดี ? "  

      เรื่องนี้ ผมอยากจะแถมว่า คนเป็นหนี้ระยะยาว จำพวกผ่อนรถ ผ่อนบ้าน .... ก็ต้องคิดตามด้วยครับ ...  

      เวลานี้ นักลุงทุนต่างชาติ เขาเทขายหุ้นไทยมาต่อเนื่องนานกว่าสัปดาห์แล้ว มูลค่าเป็นเงิน หลักหมื่นล้าน ...  ก่อนหน้านั้น ก็เป็นขาลงสลับขึ้นสั้นๆ จากการที่ประเทศไทยยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ จนถึงตั้งได้ ก็เขียวทั้งกระดาน 

      แต่..... พอ รัฐบาล .... แถลงนโยบายออกมา ก็กลับทรุดลงอีก นักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติก็ยังมีความกังวลเรื่องนโยบายหลักๆ เลย คือ 
  • การแจกเงินประชานิยมที่ไม่สร้างรายได้   
  • การขึ้นค่าแรง 400-600 
  • รวมถึงเงินเดือน ป.ตรี 25000 บาท

    ฯลฯ 

    ที่ทุกนโยบายทำให้เงินเฟ้อในอนาคตได้ทุกเรื่อง .. !!!
สัจจะธรรมอย่างหนึ่ง คือ สินค้าที่ปรับราคาขึ้นแล้ว จะไม่ลง .... ในขณะที่ ค่าแรงงานขึ้นแล้ว สามารถลงได้ ถ้าไม่มีคนจ้าง  ประกาศรับ ม.6  , ปวช. ปวส. แต่ดันมีคนจบ ป.ตรี มาสมัครกันเพียบ !!!

      นั่นคือ สิ่งที่ผู้ประกอบการทำอยู่  แต่ในขณะที่แรงงานอีกสายหนึ่ง เช่น สายอาชีพ เช่น แรงงานฝีมือ หรือช่างฝีมือ ค่าแรงทะลุ  600 บาท ไปนานหลายปีแล้ว  พวกเขาไม่เดือดร้อน แต่แรงงานไร้ฝีมือล้างจาน ทำความสะอาดโต๊ะ ในร้านอาหารถ้า ไปปรับค่าแรงขั้นต่ำ  400-600 บาท  คงได้กินข้าวผัดกะเพราจานละ 80-100 บาทแน่นอน !!!

      ตอนนี้  ทุกคนรวมถึงฝ่ายค้าน  ก็ตั้งข้อสงสัยว่า  " รัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหน "  เพราะทุกโครงการก็ล้วนแต่ "ดูดเงินจากงบประมาณ" ทั้งนั้น จะสร้างหนี้เพิ่ม เพื่อเอามาใช้จ่ายในสภาวะที่ประชาชนยังพอที่จะทำมาหากินได้ไม่เดือดร้อน  ซึ่งบริบทมันต่างกับช่วงโควิด นั้น มันเหมาะสมไหม ?   

     วันนี้ ก็มีข่าวว่า จะแจกแท็บเล็ตอีกแล้ว คนพูดก็เหมือนจำอดีตไม่ได้ว่า มันล้มเหลวในสมัยรัฐบาลปู (ยิ่งลักษณ์) ที่ถลุงเงินไปมหาศาล ยังไม่รวมเงินสนับสนุนลดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมันที่ตอนนี้กองทุนน้ำมันติดลบไปแล้วหกหมื่นล้าน ... 

     ผมปวดหัว กับสำนวนโวหารของฝ่ายค้าน ที่ต้องแยกสาระออกมาจากความเวิ่นเว้อของคำพูด สิ่งที่ได้ออกมาคือ  จะเอาเงินมาจากไหน เพดานเงินกู้มันค้ำคออยู่ วินัยทางการคลังที่รักษามาอย่างดี ของรัฐบาลก่อน จะพังลงไปไหม กับการใช้จ่ายไม่ตรงปกของรัฐบาล ....

     มันคุ้มไหม  กับการเทหมดหน้าตัก แล้วทุกอย่างมันไม่ดีอย่างที่คิด แถมยังเป็นหนี้ที่ไม่สร้างรายได้ก้อนโต ต้องผ่อนชำระหนี้ ไม่ต่างอะไรกับโครงการรับจำนำข้าว ที่ตอนนี้ก็ยังเหลือเป็นแสนล้านใช้ไม่หมด .... ยังไม่รวมถึง เงินเฟ้อที่มัน จะกัดกินพื้นฐานของเงินบาทไปอีกหลายปีเลยทีเดียว

  ผมอยากจะพูดถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกนักหน่อยครับ 
  • สภาวะของจีนนั้นไม่ดีเลย .... เงินหยวนอ่อนค่า จากภายในของตัวเอง ภาคอสังหาฯ ของจีนกำลังตาย และฉุดตัวเลขของจีนให้ต่ำลงและต่ำลง  แบบยังหาจุดสมดุลยังไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่า กระทบไทยแน่  เพราะเราคือ คู่ค้ารายสำคัญกับจีนในย่านนี้ ....

  • มองไปให้ไกลอีกนิด ....  เงิน USD ก็แข็งค่า จากดอกเบี้ยที่ขึ้นมาเรื่อยๆ  ผลตอบแทนสูงกว่าไทย สักสองเท่าก็ว่าได้  นักลงทุนก็ไหลออกไปทางนั้น  และเป็นแบบนี้ ทุกประเทศทุกตลาดทุน รวมถึงเรื่องหุ้นกู้ของตลาดภายในประเทศที่ผิดนัดชำระยิ่งทำให้ตลาดทุนบ้านเรากระอักเลือดออกมาอีก ทำให้คนถือหุ้นกู้ อีกหลายตัว "หนาว" มิใช่น้อย !!!  บางคนคือ เงินก้อนใหญ่ แม้ไม่ใช่ก้อนสุดท้าย แต่เงินก้อนนี้ ทำให้การกินอยู่ในอนาคตตอนอายุมากแล้วมีปัญหาแน่

  • เงินบาทอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ . ตามข่าวร้ายรายวัน ลงลึกเกินแนวรับ สองเดือนไปเรียบร้อยแล้ว .... กำลังซื้อของจีนตกแน่ คนจีน ใครมีเงินก็หาทางเอาเงินออกนอกประเทศ กำลังซื้อจากยุโรปตกแน่ จากค่าพลังงานและค่าครองชีพที่มาจาก "สงครามโง่ๆ"  ที่ตัวเองไม่ได้ก่อแต่ต้องรับแบบเต็มๆ
   และผมอยากให้คิดถึงคำพูดของผมเอาไว้ว่า   

"รัฐบาลที่ดีจะไม่เข้าไปแทรกแซงตลาด"   รัฐบาลที่ดี จะปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกตลาด ยกเว้นแต่ว่า กรณีเกิดวิกฤติเท่านั้น ที่รัฐจะเข้าไปยุ่งด้วย (เช่นวิกฤติโควิด แพร่ระบาด ) แต่การแทรกแซงตลาดตอนที่ตลาด "มันยังพอไปได้"  ซึ่งในอนาคตตลาดที่เดิมยังดีๆ จะเริ่มมีปัญหาเพราะกลไกของตลาดถูก "รบกวน" ตลาดอยู่ จะไปต่อไม่ได้ รวมถึงรัฐบาลด้วย อาจจะโดนถีบตกเก้าอี้เอาง่ายๆ


ผมคิดว่าเรื่องนี้ผมต้องเขียนภาคสอง ภาคแรกผมเพียงแต่ชี้ปัญหาให้ดูก่อน ยังไม่วิเคราะห์อะไรมากนัก


บทความโดย : Pat Hemasuk

 

 
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand