กลับมาเมืองไทย ได้สองสามวัน ก็ได้เห็นฟีดข่าวบนหน้าเฟซบุ๊ค เกี่ยวกับน้องเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่พยายามปีนรั้วเข้าโรงเรียน พอได้ไปตามค้นดูเรื่องราวจึงได้รู้ที่มาที่ไปแต่เก่าก่อน

บทความโดย : นัทแนะ | กัปตันนัท-ธราพงษ์ รุ่งโรจน์

เธอเคยเป็นเด็กที่น่ารักคนหนึ่ง แต่ช่วงหลังก็ถูก ข้อมูลผิดๆ บนโซเชียล และ ผู้ใหญ่เลวๆ ปลุกปั่นจนหลงทาง ผมเสียดายเธอ ที่ต้องหมดโอกาสที่จะมีความสุขสนุกสนานร่าเริงกับเพื่อนๆ ตามที่วัยน้องเขาควรจะได้เป็น ....

การมีโอกาสเรียนหนังสือในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งนี้นั้น เป็น"โอกาส "ที่ไม่ใช่เด็กๆทุกคนจะได้มี และน้องก็ทิ้งโอกาสนี้ไป อย่างน่าเสียดาย เพราะตั้งใจฝ่าฝืนกฎระเบียบหลายๆข้อ และเสียดายโอกาสที่จะได้รู้ว่า "ระเบียบวินัยและการเคารพกติกาขององค์กร" นั้น เป็นกฎพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม

เมื่อเรียนจบออกมาทำงาน เราก็จะมาอยู่กฎกติกาของที่ทำงาน เช่นกัน กฎกติกาในที่ทำงานนั้น เขาจริงจังกว่านี้ และไม่ได้ใจดีกับพนักงานที่อินดี้เท่าไรนักหรอก

อยากจะเล่าให้อ่านกันเพลินๆดังนี้

ผมเคยเห็นกัปตัน 2 คน ถูกไล่ออกจากงานภายใน 24 ชั่วโมง เพราะนั่งปาร์ตี้ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนมาทำงาน

พอตอนเช้า ต้องมาเป่าตรวจแอลกอฮอล์ก่อนไปบิน ค่าตัวเลขก็เลยเกิน จากที่หน้าแดงเพราะแอลกอฮอล์ ก็เปลี่ยนไปเหงื่อกาฬแตกพลั่กๆ ...

และไม่ใช่แค่ถูกไล่ออกจากงานนะครับ ลูกค้า (ผู้ว่างจ้าง) ซึ่งเป็น บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ก็จัดการเอาชื่อ ขึ้นแบล็คลิสท์ อันหมายความว่า

"นักบินคนนี้ไม่มีสิทธิจะบินให้กับบริษัทน้ำมันแห่งนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นสาขาไหนบนโลก"

คุ้มมั้ย ?....ไม่คุ้มแน่นอน ลูกเมียจะเอาที่ไหนกิน

อีกเคสหนึ่ง เกิดขึ้นในช่วงที่บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่งออกวางขาย

กัปตันคนหนึ่งเกิดหัวหมอ เขาคิดเอาเองว่า "แม้ในระเบียบจะบอกว่าห้ามทุกคนสูบบุหรี่ในระหว่างการบิน แต่บุหรี่ไฟฟ้าไม่น่าจะเกี่ยว"

ว่าแล้ว แกก็ควักบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบ และพ่นควันฉุยๆ เต็มห้องโดยสารระหว่างบินไปแท่นขุดเจาะน้ำมัน ...

ผู้โดยสารซึ่งเป็นวิศวกร และพนักงานแท่นขุดเจาะเห็นความอินดี้ของกัปตัน ก็เลยช่วยส่งเสริมให้แกโด่งดังยิ่งขึ้น ด้วยการเขียนรีพอร์ทส่งกลับมาบริษัท ....

ส่งผลให้กัปตันรายนี้ต้องตกงานและแพคกระเป๋ากลับบ้านภายใน 24 ชั่วโมงเช่นกัน

เหตุผลที่บอกได้ก็คือ "ความไม่เป็นมืออาชีพ"
คำๆ นี้ ความหมายกว้างไกล และน่าละอายยิ่งกว่าทำผิดระเบียบเสียอีก ....

โลกแห่งการทำงานนั้น มีระเบียบยิบย่อยอีกมากมาย เช่น ห้ามเผยแพร่ข้อมูลภายในองค์กร เพราะถือว่าเป็นความลับ, ลาออกจากที่ทำงานเดิมแล้วจะไม่สามารถไปทำงานให้กับคู่แข่งได้อย่างน้อย 1 ปี และอื่นๆอีกมากมาย ...

บางองค์กรนั้น แม้พนักงานจะสวมยูนิฟอร์ม แต่กลับใส่รองเท้าแตะเฮลโหลคิทตี้เดินไปเดินมาในสำนักงาน ก็ถูกเรียกมาตักเตือนแล้ว

เพราะมันไม่เป็นมืออาชีพ ...

และที่สำคัญ โลกแห่งการทำงานนั้น
"Everyone is replaceable" (มีคนที่จะสามารถมาแทนที่เราได้เสมอ)

ขอจบตอนนี้ ด้วยการแนะนำน้องๆ วัยรุ่นมีโอกาสได้อ่าน ว่าให้ ตั้งอกตั้งใจเรียนหนังสือ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ มีความสุขสดชื่นตามวัยที่ควรเป็นไปเถิดครับ

ผู้ใหญ่และพรรคการเมืองที่มายุยง และปลุกปั่นให้น้อง ๆ ก้าวร้าว และหยาบคาย นั้น เขาไม่ได้หวังดีกับเราหรอก เขาเห็นแค่เราเป็นวัตถุที่จะเอามาสร้างกระแส พอหมดความหมายก็ถูกทิ้ง

ปล. ด่าได้แต่อย่าแรง เจ้าของโพสท์ใจบาง

บทความโดย : นัทแนะ | กัปตันนัท-ธราพงษ์ รุ่งโรจน์

ข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว