4/30/66

แด่ ...ขบถตัวน้อย คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย

เรื่องบางอย่าง ผมก็ไม่แปลกใจหรอกครับ เพราะผมผ่านมาเกือบหมดแล้ว ช่วงชีวิตหนึ่งของคนสามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดได้ตามวัย จะเป็นคนที่หล่อหลอมมาจากครอบครัวอย่างไร ก็สามารถเป็นไปตามนั้นได้ สิ่งที่ต่างกันคือพื้นฐานของแนวคิดและธรรมเนียมปฎิบัติเท่านั้น

บทความโดย :  Pat Hemasuk

revolt



มีใครบ้างที่ตอนเป็นวัยรุ่นไม่มีแนวคิดเป็นขบถตัวน้อยๆ ? 

"เกือบทุกคนเป็นแบบนี้กันหมด มีโอกาสแหกกฎเกณฑ์อะไรได้ก็อยากจะทำตามใจตนเองทั้งนั้น"

    โตขึ้นมาอีกสักหน่อย  ชีวิตในมหาวิทยาลัย ก็เริ่มเปลี่ยนแนวให้คนส่วนมากเริ่มคิดถึงสังคม และคิดว่าตัวเองก็สามารถเปลี่ยนส้งคมและเปลี่ยนโลกได้ พอได้อ่านอะไรที่ออกแนว "โซเชียลลิสต์" มันจะตรงใจและเข้าไปสู่แนวคิดแบบนี้ได้ไม่ยาก

      ผมสามารถบอกได้เลยว่า คนวัยนี้ ถ้าใครไม่คิดทำบางสิ่งเพื่อสังคมใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม คือคนไม่มีหัวใจ บางคนที่คิดต่าง โดนเพื่อนยัดว่าเป็นพวกอิกนอร์เรนซ์ บางคนก็ทำงานแนวบริการสังคม ออกค่าย หรือเริ่มทำงานการเมืองเลยก็มี

     หลังจากหมดวัยเรียนรู้ เริ่มทำงานยืนบนขาตัวเอง ก็เริ่มมีความคิดใหม่ แบบปากกัดตีนถีบ มีใครไม่เคยคิดแบบปัจเจกชนบ้าง อนาธิปไตย ( Anarchy) มันหอมหวานกว่าสิ่งอื่นที่เคยเห็นมา ชีวิตกฎเกณฑ์ที่ต้องทำทุกวัน มันบูลชิตมาก คำถามว่า ทำไม ทำไมๆๆๆๆ มันเต็มหัวไปหมด ไม่ทำแบบนี้บ้าง ไม่ได้หรือ กฎเกณฑ์ของสังคมมันทับหัวกดดันไปเสียรอบตัว

   หลังจากต่อสู้ชีวิตไปสักพัก  จนเริ่มสร้างครอบครัวของตัวเอง 

    ความคิดใหม่ก็เข้ามาทีละน้อย หนังสือของ จอห์น ล็อก (John Locke) และ ฌ็อง-ฌัก รูโซ (Jean-Jacques Rousseau) ก็เริ่มอ่านรู้เรื่องมากขึ้นกว่าเมื่อสิบปีก่อน บางครั้งก็เริ่มหัวเราะตัวเองว่าในสมัยที่ยังเป็นขบถตัวน้อยๆ มันไร้สาระสิ้นดี ล็อกกับรูโซ คิดอะไรล้ำลึกกว่า คาร์ล ไฮน์ริช มาคส์ (Karl Heinrich Marx) ที่เคยชอบแนวคิดในวัยเรียนมากมาย โซเชียลลิสต์ มันเกือบจะไม่มีใครทำได้จริงในโลกนี้ มากที่สุดก็เพียงใกล้เคียง  คอมมิวนิสต์  มันเป็นได้แค่ความฝันของคนสานตะกร้าที่อยากมีเงินเท่าคนสร้างจรวดที่ คาร์ล มาคส์ เอาความฝันมายัดหัวเท่านั้นแหละ ...

    ต่อมาเมื่อชีวิตเริ่มตกผลึก  เริ่มมีกิจการของต้วเอง จากคนรับเงินเดือนกลายมาเป็นคนจ่ายเงินเดือน ครอบครัวเริ่มมั่นคง เจ้าลูกชายลูกสาว ก็เริ่มมีความคิดของตัวเอง มีชีวิตแบบขบถตัวน้อยไม่ต่างกับที่พ่อแม่เคยเป็นมาก่อน และเมื่อเติบโตมากขึ้นการพัฒนาแนวคิดก็ไม่ได้แตกต่างกับสิ่งที่เคยเห็นเคยเป็น บางเรื่องก็เหมือนกับคนคุยกันคนละภาษา .... 

แต่เชื่อเถอะว่า
  พ่อแม่ส่วนมากจะเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ดี เพราะพวกเขาเคยผ่านชีวิตที่มีแนวคิดแบบนี้มาก่อน 

ในที่สุด สังคมของคนอีกวัยก็เหลือเพียงคนสองกลุ่ม !! ?? 

  คนกลุ่มแรก  คือ  รู้ทันโลกใบนี้ แล้วพยายามจะรักษาสิ่งที่ดีเพื่อกลับคืนสู่สังคม ให้โลกใบนี้มันยังคงหมุนต่อไปได้

  กับคนอีกกลุ่ม  ที่รู้ทันโลกและพยายามเอาเปรียบทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ กัดกินเอาเปรียบทุกคนที่ยังรู้ไม่เท่าทัน ... 

ผมเชื่อว่าสังคมมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัย บาบิโลน กรีก โรมัน ไบเซนไทน์ ฯลฯ

     ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง บางคนก็จบไม่ดี บางคนก็จบดี แต่สิ่งที่เหมือนกันมาตลอดทุกยุคทุกสมัยคือครอบครัว แต่ละครอบครัวจะวางพื้นฐานให้ลูกของตัวเองมีภูมิคุ้มกันชีวิตในสังคมได้ดีแค่ไหนเพียงใดเท่านั้นเอง ....

     ผมเชื่อว่าบรรดาขบถตัวน้อยทั้งหลาย  จะผ่านชีวิตของตัวเองไปได้    ไม่ต่างกับคนยุคก่อนหน้า ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนที่รู้ทันโลกแล้วเอาเปรียบโลกด้วยการหลอกใช้คนอีกวัยที่ยังไม่ประสากับโลกใบนี้

คนพวกนี้บางคนถึงกับทำอย่างไรก็ได้ ให้กูรอดและรวย มีอำนาจวาสนาในสังคม และการเมือง ส่วนพวกมึงโง่เองก็หมดตัว หมดอนาคตตั้งแต่เด็กหรือติดคุกแทนกูกันไป ... 

ผมอยากอวยพรให้คนรุ่นใหม่ทุกคนครับ... 

"สู้ให้สุดตัว" ตามความคิดของตัวเอง และฉลาดพอ ที่จะเอาตัวรอดในสังคมให้ได้จนพ้นวัยขบถ !!!

ขบถตัวน้อย คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย
 
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand