4/15/66

แห่นางดาน ที่เมืองคอน ประเพณีโบราณตามคติพราหมณ์

    พิธีแห่นางดาน เป็นประเพณีที่เก่าแก่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จัดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นงานประเพณี ๑ เดียวที่มีในประเทศไทย และยังคงมีการโล้ชิงช้าเพื่อรอรับเสด็จพระอิศวรที่จะเสด็จลงมาโปรดมนุษย์


Hae Nang Dan Tradition

คำว่านางดาน หรือนางกระดาน คืออะไร ?

คำว่า "ดาน" หมายถึง แผ่นไม้กระดาน ขนาดกว้างหนึ่งศอก สูงสี่ศอก ที่วาดหรือแกะสลักรูปเทพบริวารในคติความเชื่อของพราหมณ์ จำนวน ๓ องค์ ( องค์ละแผ่นกระดาน ) ได้แก่  พระอาทิตย์พระจันทร์ , แม่พระธรณี และ พระแม่คงคา

คำว่า "ดาน" หมายถึง แผ่นไม้กระดาน ขนาดกว้างหนึ่งศอก สูงสี่ศอก


       เพื่อใช้ในขบวนแห่สมมุติแทนเทพทั้ง ๔ ที่จะมารอรับเสด็จพระอิศวรที่เสด็จมาเยี่ยม มนุษย์โลก ณ เสาชิงช้า เชื่อกันว่าการเสด็จมาเยี่ยมมนุษย์ โลกเพื่อประสาทพรให้เกิดความสงบสุขให้เกิดน้ําท่าอุดมสมบูรณ์และช่วยคุ้มครองมนุษย์โลกให้ปลอดภัย ประเพณีแห่นางดาน จัดสืบทอดกันมาตั้งแต่ตั้งชุมชนพราหมณ์ในเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๑๒๐๐

  • นางดานแผ่นที่ ๑ นามว่า  พระอาทิตย์พระจันทร์
นางดานแผ่นที่ ๑ นามว่า  พระอาทิตย์พระจันทร์

   
  •   พระอาทิตย์ ตามตำนานนพเคราะห์ โหราศาสตร์กล่าวว่า 
"เทพบริวารพระอาทิตย์นี้ พระอิศวรทรงสร้างขึ้นด้วยการเอาราชสีห์ ๖ ตัว"  มาป่นเป็นผงแล้วห่อด้วยผ้าสีแดง ประพรมด้วยน้ำอมฤตไม่ช้าจึงเกิดเป็นเทพบุตรร่างเล็กขึ้นนามว่าพระอาทิตย์หรือพระสุริยา มีผิวกายสีแดงรัศมีกายเรืองโรจน์รอบตัว เสื้อทรงสีเหลืองอ่อนมีสี่กร กรหนึ่งใช้ห้ามอุปัทวันตราย กรสองไว้ประทานพรและอีกสองกรไว้ถือดอกบัว 

พระอาทิตย์ เป็นเทพผู้สร้าง กลางวัน    เป็นผู้ให้แสงสว่างและความร้อนแก่โลกมนุษย์และดาวพระเคราะห์อื่น ๆ ด้วยการชักรถม้าเคลื่อนไปในจักรวาลไม่มีวันหยุด กำลังแสงของพระอาทิตย์มีพลังดูดน้ำได้ถึง ๑๐๐๐ ส่วน ดูดฝน ๔๐๐ ส่วน ดูดหิมะ ๓๐๐ ส่วน ดูดลมอากาศ ๓๐๐ ส่วน ให้พลังงานแก่สรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง ก่อให้เกิดวัฏจักรแห่งดินฟ้าอากาศเป็นฤดูกาล ถือเป็นเทพผู้มีคุณูปการต่อการอยู่รอดของมนุษย์สัตว์และพืชพันธุ์

  • พระจันทร์ ตามตำนานนพเคราะห์โหราศาสตร์ กล่าวไว้ว่า 
"เทพบริวารองค์นี้พระอิศวรทรงสร้างขึ้นจากนางฟ้า ๑๕ นาง"   โดยร่ายพระเวทย์ให้นางฟ้าทั้ง ๑๕ นางนั้นป่นเป็นผงละเอียด แล้วห่อด้วยผ้าสีนวล ประพรมด้วยน้ำอมฤต เกิดเป็นเทพบุตรผิวกายสีนวล ร่างเล็กสะโอดสะอง ประทับในวิมานสีแก้วมุกดา ทรงม้าสีขาวดอกมะลิเป็นพาหนะ 

พระจันทร์ เป็นเทพผู้สร้าง กลางคืน เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และงดงามอ่อนละมุน เพราะเป็นเทพผู้สร้างกลางคืน จึงมีอีกสมญาหนึ่งว่า 'รัชนีกร' เป็นเทพผู้อำนวยให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้พักผ่อนและผสมพันธุ์สืบมาจนปัจจุบัน  .. 

  • นางดานแผ่นที่ ๒ นามว่าพระธรณี
นางดานแผ่นที่ ๒ นามว่าพระธรณี


พระธรณี นางดานแผ่นที่ ๒  เทพบริวารองค์นี้ มีหน้าที่รองรับน้ำหนักของสรรพสิ่ง และพยุงสิ่งทั้งหลายที่ พระอิศวรทรงสร้างไว้ในจักรวาลให้ดำรงอยู่เป็นเสมือนพ่อแม่ของเทพทั้งหลาย 

เป็นผู้รับและสั่งสมสิ่งดีมีค่าอาหารและความมั่งคั่ง ยอมสละแม้เกียรติและอำนาจ จึงได้ชื่อว่า 'วสุธา'  

        วสุธา มีผิวกายสีขาวนวล พระเกศายาวเหยียดตรงเป็นโมฬี  สามารถซับ อุทกธารา ( สายน้ำ) ไว้ได้อย่างมหาศาล เป็นเทพผู้เก็บสะสมคุณความดีและคุณธรรมทั้งปวง เป็นหูเป็นตาแทนผู้อื่นได้ จึงมีสำนวนที่ว่า

ใครไม่รู้ แต่ฟ้าดินรู้ .. 

เมื่อครั้งที่พระพรหมสร้างโลก และร้องขอให้พระอิศวรไปรักษาโลก พระอิศวรทรงห่วงใยว่าโลกไม่แข็งแรง ถ้าหยั่งลงมาทั้งสองพระบาทก็เกรงว่าโลกจะแตก จึงหยั่งพระบาทลงมาเพียงข้างเดียว   ในการนี้มีพระธรณีได้เข้ามาทำหน้าที่รอรับพระบาทพระอิศวรเอาไว้

     พุทธประวัติได้กล่าวถึงเกียรติคุณพระธรณีอยู่ตอนหนึ่ง คือ   วันเพ็ญเดือนหก ก่อนพุทธกาล  พระยาวัตตีมารยกพลมาขัดขวางมิให้พระสิทธัตถะ ตรัสรู้พระสัมโพธิญาณ  แต่การณ์นั้นไม่สำเร็จดังใจหวัง เพราะพระสิทธัตถะไม่ยอมละโพธิบัลลังก์จนกว่าจะตรัสรู้  พญามารโต้เถียง ทวงสิทธิโพธิบัลลังก์ แต่พระสิทธัตถะก็ไม่หวั่นพระทัย ยังคงวางพระองค์สงบนิ่งอยู่ พญามารจึงบรรหารให้รี้พลสกลไกรย่ำยีบีฑาพระสิทธัตถะโดยพลัน ...

      พฤติการณ์ทั้งปวงนี้ พระธรณีได้สดับอยู่เห็นจริงว่า พระสิทธัตถะมีเจตนารมณ์กระทำเพื่อมวลมนุษย์โดยแท้   พระธรณีจึงปรากฏกายขึ้นที่ข้างบัลลังก์ใต้ร่มโพธิ์ ที่พระสิทธัตถะประทับ  แล้วบิดน้ำในโมฬีแห่งตน ...  กระแสชลก็หลั่งไหลออกจากเกศาแห่งห้วงมหาสมุทร

 ในที่สุดเสนามารก็ตายพญามารก็พ่ายหนี พระสิทธัตถะจึงสำเร็จอนุตรสัมโพธิญาณในเพลารุ่งสางแห่งราตรีนั้น


  • นางดานแผ่นที่ ๓  นามว่าพระธรณี
นางดานแผ่นที่ ๓  นามว่าพระธรณี

   พระคงคา เทพบริวารองค์นี้เป็นพระธิดาองค์แรกของพระหิมวัตกับนางเมนา พระสวามีของพระคงคา คือพระอิศวร 

   ฉะนั้น .... พระคงคากับพระอุมา นอกจากจะร่วมพระชนกชนนีกันแล้ว ยังมีพระสวามีองค์เดียวกันด้วย 

     พระคงคา มีผิวกายสีม่วงแก้มน้ำตาล แต่เดิมพระคงคาอยู่บนสวรรค์ แต่เพิ่งจะลงมาสู่โลกมนุษย์ในครั้งที่ท้าวภคีรถสำเร็จการพิธีอัญเชิญให้ลงมาชำระอัฐิโอรสท้าวสัตระที่ถูกพระกบิลบันดาลด้วยฤทธิ์เป็นเพลิงไหม้ตาย จึงจำเป็นจะต้องใช้น้ำจากพระคงคาบนสวรรค์มาชำระอัฐิจึงจะหมดบาปไปบังเกิดใน สวรรค์ได้อีก 

      พระคงคาจึงบันดาลน้ำให้ไหลไปทางสระวินทุ แยกออกเป็น ๗ สาย ไหลไปทางตะวันออก ๓ สายกลายเป็นแม่น้ำ ชื่อว่า แม่น้ำนลินี ,  ทลาทินี และ ปปาพนี   ไหลไปทางตะวันตก กลายเป็นแม่น้ำอีก ๓  สายคือ  แม่น้ำจักษุ, สีดา และสินธุ ส่วนอีกสายหนึ่งไหลตามรอยรถท้าวภคีรถ เรียกกันว่า  พระคงคามหานที  แม่น้ำสายนี้  นับเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้ล้างบาปได้ พิธีการแห่นางดานของพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราช เริ่มจากการที่พระราชครู ประกอบพิธีอัญเชิญเทพนางดานทั้งสามขึ้นประดิษฐานบนเสลี่ยง (๓ เสลี่ยง) ไปตั้งขบวนที่จุดนัดหมายซึ่งสะดวกแก่การชุมนุม ส่วนมากนิยมตั้งแต่ขบวนกันที่ฐานพระสยม (ซึ่งเป็นบริเวณตลาดท่าชี ในปัจจุบัน)




ข้อมูลเพิ่มเติม 
ฐานข้อมูลท้องถิ่นภาคใต้  :  https://clib.psu.ac.th/southerninfo/




ข้อมูลที่พัก สำหรับการท่องเที่ยว จังหวัดนครศรีธรรมราช 


        เที่ยวนครศรีธรรมราช ได้อย่างสบายใจ เมื่อเข้าพักที่นี่ ที่พักได้รับใบรับรองมาตรฐาน SHA Plus และมีอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ฟรีในทุกห้องพักให้บริการ ที่พักตั้งอยู่ในย่านตัวเมืองนครศรีธรรมราชของนครศรีธรรมราช ผู้เข้าพักจึงได้อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจและร้านอาหารอร่อยๆ ทริปยังไม่จบถ้าไม่ได้แวะไปที่เที่ยวชื่อดังอย่าง สนามบินนครศรีธรรมราช ด้วยอีกสักที่ ที่พัก 4 ดาวนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะช่วยเพิ่มความผ่อนคลายสูงสุดให้แก่ผู้เข้าพัก


 
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

 
miscthailand